74
ถกเถียงวัฒนธรรม
ทางความคิ
ดของนั
กคิดชาวอิ
ตาลี
คื
อ Antonio Gramsci (1971) อย่างชั
ดเจน ด้วย
การเสนอข้
อถกเถี
ยงที่
ไม่
ยอมรั
บการครอบง�
ำของความหมายใดความหมายหนึ่
ง
อย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งนี้เพราะกลุ่มคนต่างๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่อยู่ก้นบึ้ง
ของสั
งคมสั
กเพี
ยงใดก็
ตาม ก็
ยั
งสามารถช่
วงชิ
งและต่
อรองกั
บความหมายต่
างๆ
ที่
พยายามเข้ามาครอบง�
ำได้
ข้
อถกเถี
ยงดั
งกล่
าวช่
วยเปิ
ดประเด็
นและพื้
นที่
ใหม่
ๆ ในการสร้
างความเข้
าใจ
ทางวั
ฒนธรรม ที่
ช่
วยให้
มองเห็
นความหลากหลาย และความซั
บซ้
อนของความหมาย
มากขึ้
น ขณะเดี
ยวกั
นก็
ช่
วยให้
มองเห็
นพลวั
ตของวั
ฒนธรรม ที่
หลุ
ดออกไปจาก
กรอบของรั
ฐชาติ
ได้
เพราะไม่
ได้
มองวั
ฒนธรรมเป็
นเอกภาพของระบบคุ
ณค่
า แต่
เป็
น
ความหมายที่
หลากหลายและเชื่
อมโยงอยู่
กั
บความสั
มพั
นธ์
ที่
ซั
บซ้
อนและไร้
พรมแดน
ส�
ำหรั
บนักวิ
ชาการไทยคนแรกๆ ที่
ได้
ทดลองน�
ำแนวความคิ
ดวั
ฒนธรรม
บริ
โภคนิ
ยมมาใช้
ศึ
กษาสั
งคมไทยในเชิ
งวาทกรรมคื
อ ยศ สั
นตสมบั
ติ
(2535)
ในหนั
งสื
อเรื่
อง
“แม่หญิงสิขายตัว ชุมชนและการค้าประเวณีในสังคมไทย”
ซึ่
ง
ยศ สามารถใช้
แนวความคิ
ดดั
งกล่
าวมาโต้
เถี
ยงกั
บความเข้
าใจทั่
วไป ที่
มั
กจะอธิ
บาย
การค้
าประเวณี
ของหญิ
งชาวบ้
านอย่
างง่
ายๆ ว่
า มี
สาเหตุ
มาจากปั
ญหาความยากจน
ทางเศรษฐกิ
จ ด้
วยการวิ
พากษ์
ระบบทุ
นนิ
ยมและวาทกรรมของวั
ฒนธรรม
บริ
โภคนิ
ยมว่
า เป็
นต้
นเหตุ
ที่
แท้
จริ
ง เพราะการค้
าประเวณี
นั้
นเป็
นปั
ญหาทาง
วั
ฒนธรรม และการถูกครอบง�
ำทางวาทกรรม ที่
มาจากการเปลี่
ยนแปลงทาง
เศรษฐกิจแบบทุนนิยมในปัจจุบัน ซึ่งก�
ำลังอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนให้วัฒนธรรม
เป็
นสิ
นค้
ามากขึ้
น ควบคู่
ไปกั
บการขยายตั
วของวั
ฒนธรรมบริ
โภคนิ
ยม และเมื่
อ
เศรษฐกิจชนบทถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่
งของระบบทุนนิยมมากขึ้น ชาวบ้านก็จะ
ซึ
มซั
บและรั
บวาทกรรมวั
ฒนธรรมบริ
โภคนิ
ยมตามมา จนเห็
นคล้
อยไปกั
บการเปลี่
ยน
ให้เพศกลายเป็นสินค้าด้วย ซึ่งค่อยๆ ขยายตัวกลายไปเป็นวัฒนธรรมการขายตัว
ในที่
สุ
ด
หลั
งจากนั้
น เกษี
ยร เตชะพี
ระ (2539) ก็
ได้
น�
ำความคิ
ดบริ
โภคนิ
ยมมาอธิ
บาย
ผลที่เกิดขึ้นจากการ “บริ
โภคความเป็นไทย” ด้วยการศึกษาจากสื่อโมษณาต่างๆ