Previous Page  71 / 238 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 71 / 238 Next Page
Page Background

70

ถกเถียงวัฒนธรรม

ความเข้

าใจวัฒนธรรมในเชิงวาทกรรม มีนัยส�

ำคัญต่

อการวิพากษ์

วิจารณ์

ความเข้

าใจวั

ฒนธรรมแบบแก่

นสารนิ

ยม ที่

ครอบง�

ำอยู่

ในสั

งคมไทยตลอดมา ขณะ

ที่

ช่

วยเสริ

มสร้

างความเข้

าใจวั

ฒนธรรมว่

า มี

นั

ยทางการเมื

องของความรู้

แฝงอยู่

ด้วย โดยเฉพาะการเมื

องของรั

ฐในการนิ

ยามความรู้และความจริ

งในเรื่

องต่างๆ ซึ่

ยุ

กติ

มุ

กดาวิ

จิ

ตร (2537) ได้

หยิ

บยกประเด็

นนี้

ขึ้

นมาถกเถี

ยงและวิ

พากษ์

วิ

จารณ์

ในบทความเรื่

อง “การเมื

องเรื่

องวั

ฒนธรรมในสั

งคมไทย พ.ศ.2501-2537” ด้วยการ

ชี้

ให้

เห็

นว่

า ในช่

วงเวลาดั

งกล่

าวมี

วาทกรรมวั

ฒนธรรมถูกสร้

างขึ้

นมาอย่

าง

หลากหลาย และช่

วงชิ

งความหมายของความรู้

ที่

เกี่

ยวกั

บทิ

ศทางในการพั

ฒนาสั

งคม

ไทยที่

แตกต่างกั

น เช่น วาทกรรมวั

ฒนธรรมแบบลั

ทธิ

มาร์กซ์ วาทกรรมวั

ฒนธรรม

แบบสั

งคมศาสตร์ปริ

ทั

ศน์ วาทกรรมวั

ฒนธรรมแบบศิ

ลปวั

ฒนธรรม และวาทกรรม

วั

ฒนธรรมชุ

มชนเป็

นต้

น เพื่

อท้

าทายและช่

วงชิ

งความหมายกั

บวาทกรรมวั

ฒนธรรม

แบบรัฐนิยม และในภายหลังก็มีการสร้

างวาทกรรมวัฒนธรรมแบบทุนนิยมขึ้นมา

ครอบง�

ำเพิ่

มเติ

มอี

หลั

งจากถกเถี

ยงนั

ยทางการเมื

องของวั

ฒนธรรมแล้

ว ในปี

พ.ศ.2538 ยุ

กติ

ได้

เขี

ยนวิ

ทยานิ

พนธ์ปริ

ญญาโท ซึ่

งอี

ก 10 ปีต่อมาก็

ได้ตี

พิ

มพ์เป็นหนั

งสื

อ เพื่

อศึ

กษา

การเมื

องในงานการผลิ

ตความรู้

แบบหนึ่

งที่

เรี

ยกว่

าชาติ

พั

นธุ์

นิ

พนธ์

(Ethnography) ใน

แนววั

ฒนธรรมชุ

มชน (ยุ

กติ

2548) ทั้

งนี้

เพราะเขาเห็

นว่

า งานวิ

จั

ยในแนวนี้

มี

อิ

ทธิ

พล

ต่อทั้งนั

กพัฒนาเอกชนและนั

กวิชาการ ในฐานะที่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์แนวทาง

การพั

ฒนาของรัฐ และการเสนอทางเลื

อกในการพั

ฒนา บนพื้

นฐานของศั

กยภาพ

ของชาวบ้าน

ดั

งนั้

นยุ

กติ

จึ

งพยายามจะตั้

งค�

ำถาม และตรวจสอบงานศึ

กษาประเภท

ดั

งกล่

าว ซึ่

งอ้

างที่

มาของความรู้

จากความจริ

งเชิ

งประจั

กษ์

โดยยุ

กติ

วิ

เคราะห์

ว่

า การ

ผลิ

ตความรู้

แนววั

ฒนธรรมชุ

มชนมี

ลั

กษณะเป็

นเพี

ยงความพยายามนิ

ยามความรู้

ว่าเป็นความจริ

ง บนพื้

นฐานของการสร้าง “ภาพแทนความจริ

ง” (Representation)

ขึ้นมา ด้วยความคิดแบบคู่ตรงข้ามระหว่างเมืองกับชนบทอย่างตายตัว ที่เกิดขึ้น

ในบริ

บทของการช่

วงชิ

งความหมายของการพั

ฒนาระหว่

างชนชั้

นกลางกั

บรั

ฐและ