งานวิจัยวัฒนธรรมภาคกลาง
57
จนกลายเป็
นข้
อจ�
ำกั
ดในการศึ
กษาวั
ฒนธรรมของกลุ
่
มก่
อนหน้
านี้
ดั
งกล่
าวไปแล้
ว
จากความสนใจในบริ
บทเช่
นนี้
เอง นั
กวิ
จั
ยวั
ฒนธรรมของไทย จึ
งเริ่
มมองเห็
น
การเปลี่ยนแปลงความหมายในวัฒนธรรมมากขึ้น เมื่อประกอบกับการผสมผสาน
ความคิ
ดของ Max Weber เสริ
มเข้าไปอี
ก ก็
ยิ่
งท�
ำให้เข้าใจความหมายในลั
กษณะ
ที่
สามารถลื่
นไหลไปได้ตามบริ
บทอี
กด้วย ทั้
งนี้
เพราะ Max Weber (1958) จะเน้น
ความส�
ำคัญของผู้คนในวัฒนธรรม ในฐานะ
ผู้กระท�ำการซึ่งมีความรู้สึกนึกคิด
จึ
งสามารถตี
ความหมายวั
ฒนธรรมให้ปรั
บเปลี่
ยนไป ตามบริ
บทของความสั
มพั
นธ์
ที่
เปลี่
ยนแปลงได้
งานวิ
จั
ยชิ้
นแรกๆ ของนั
กวิ
จั
ยชาวไทย ที่
ตระหนั
กถึ
งความส�
ำคั
ญของบริ
บท
ทางสังคมก็คือ งานของ ม.ร.ว อคิน รพี
พัฒน์
(2518) เรื่อง
สังคมไทยในสมัย
ต้นรัตนโกสินทร์ พ.ศ.2325-2416
ซึ่งเขียนเป็นวิทยานิพนธ์ปริญญาโทในช่วงปี
พ.ศ.2510 และมาแปลและพิ
มพ์
เป็
นภาษาไทยในปี
2518 งานชิ้
นนี้
เสนอข้
อถกเถี
ยง
ที่
ส�
ำคั
ญเกี่
ยวกั
บ การวิ
เคราะห์การเปลี่
ยนแปลงระบบอุ
ปถั
มภ์และโครงสร้างชนชั้
น
ในสมั
ยรั
ตนโกสิ
นทร์
ตอนต้
น ด้
วยการอธิ
บายว่
า การจั
ดระเบี
ยบทางสั
งคมอย่
าง
เป็
นทางการในยุ
คนั้
น ตั้
งอยู่
บนพื้
นฐานความคิ
ดและการให้
ความหมายในสั
งคม
ที่ยึดโยงอยู่กับความคิดเรื่องบุญบารมีและยศถาบรรดาศักดิ์ ซึ่งสะท้
อนให้
เห็นถึง
ล�
ำดั
บชั้
นทางศี
ลธรรม ที่
ด�
ำรงอยู่ภายใต้บริ
บทของการควบคุ
มก�
ำลั
งคน เมื่
อบริ
บท
เปลี่
ยนแปลงไปจากการขยายตั
วของการค้
าระหว่
างประเทศ จนมี
ชาวจี
นอพยพเข้
า
มามากขึ้
น ก็
จะมี
ผลให้
ระบบอุ
ปถั
มภ์
เปลี่
ยนแปลงไปสู่
แบบที่
ไม่
เป็
นทางการมากขึ้
น
และไม่
ยึ
ดติ
ดอยู่
กั
บล�
ำดั
บชั้
นทางศี
ลธรรมอี
กต่
อไป แต่
กลั
บน�
ำไปสู่
การช่
วงชิ
ง
อ�
ำนาจในหมู่
ชนชั้
นขุ
นนางแทน งานชิ้
นนี้
ได้
ยื
นยั
นให้
เห็
นอย่
างชั
ดเจนว่
า คนใน
สั
งคมสามารถตี
ความหมายของความสั
มพั
นธ์
ทางสั
งคมเปลี่
ยนแปลงไปได้
ตาม
การเปลี่
ยนแปลงของบริ
บทในสั
งคมนั้
นเอง ในปี พ.ศ.2527 นิ
ธิ
เอี
ยวศรี
วงศ์ ก็
ใช้
แนวทางเดียวกันนี้วิเคราะห์ระบบคุณค่าในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ว่าก่อตัวขึ้น
มาจากบริ
บทของการเปลี่
ยนแปลงทางเศรษฐกิ
จ จึ
งอาจถื
อได้ว่า งานทั้
งสองชิ้
นนี้
เป็นผลงานที่
บุ
กเบิ
กความเข้าใจความหมายของวั
ฒนธรรมที่
ยึ
ดโยงอยู่กั
บบริ
บทใน
ช่วงแรกๆ