Previous Page  33 / 238 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 33 / 238 Next Page
Page Background

32

ถกเถียงวัฒนธรรม

มนุ

ษย์

เปลี่

ยนแปลงปรั

บปรุ

งหรื

อผลิ

ตสร้

างขึ้

น เพื่

อความเจริ

ญงอกงามในวิ

ถี

ชี

วิ

ตของ

ส่

วนรวม วั

ฒนธรรม คื

อ วิ

ถี

แห่

งชี

วิ

ตของมนุ

ษย์

ในส่

วนรวม ที่

ถ่

ายทอดกั

นได้

เอาอย่างกั

นได้” (อนุ

มานราชธน 2515: 103)

เริ่

มต้

นจากความเข้

าใจความหมายของวั

ฒนธรรมอย่

างกว้

างๆ ดั

งกล่

าว

พระยาอนุ

มานราชธนยั

งได้

แยกแยะวั

ฒนธรรมออกเป็

น 2 ระดั

บคื

อ วั

ฒนธรรม

ทางวั

ตถุ

และวั

ฒนธรรมทางจิ

ตใจ วั

ฒนธรรมในระดั

บแรกจะเกี่

ยวข้

องกั

บการครองชี

ขณะที่

ระดั

บหลั

งจะเป็

นเรื่

องของปั

ญญาความคิ

ดและคติ

ความเชื่

อ ซึ่

งเกี่

ยวกั

ความเจริ

ญงอกงามทางจิ

ตใจ (อนุ

มานราชธน 2515: 110-111) และยั

งรวมถึ

งนิ

สั

สั

งคมอี

กด้

วย (อนุ

มานราชธน 2515: 258) จุ

ดนี้

เองพระยาอนุ

มานราชธนเห็

นตรงกั

หลวงวิ

จิ

ตรวาทการว่า วั

ฒนธรรมส่วนนี้

ถื

อเป็นรากเหง้าของวั

ฒนธรรมเดิ

ม และยั

คงจะด�

ำรงอยู่

ได้

อย่

างต่

อเนื่

อง แม้

จะมี

การรั

บพุ

ทธศาสนาเข้

ามาเพิ่

มเติ

มในภายหลั

อี

กก็

ตาม เพราะจะผสมผสานซ้

อนๆ กั

นอยู่

กั

บคติ

ผี

สางเทวดาและลั

ทธิ

พิ

ธี

อื่

นๆ

ที่

เป็

นเสมื

อนรากเหง้

า พื้

นฐานดั้

งเดิ

มส่

วนนี้

จะเข้

มข้

นมากในวิ

ถี

ชี

วิ

ตของชาวบ้

าน

(อนุมานราชธน 2515: 191-192) จนท�ำให้พระยาอนุมานราชธนหันไปสนใจศึกษา

ชีวิตชาวบ้านมากขึ้น (อนุมานราชธน 2505 และ 2510) แต่ไม่ใช่ด้วยมุมมองของ

การขั

ดกั

นระหว่

างวั

ฒนธรรมชาวบ้

านกั

บวั

ฒนธรรมหลวง ตามแนวทางศึ

กษาใน

กลุ่

มที่

สอง เพราะพระยาอนุ

มานราชธนจะเน้

นความสอดคล้

อง และความกลมกลื

ระหว่างวั

ฒนธรรมทั้

งสองมากกว่า

ความเข้

าใจวั

ฒนธรรมของพระยาอนุ

มานราชธน ที่

มุ่

งเน้

นลั

กษณะรากเหง้

ดั้

งเดิ

มของความเป็นไทยนั้

น นอกจากจะแฝงไว้ด้วยคติ

ชาติ

นิ

ยมแล้ว ยั

งอาจแสดง

ถึ

งอิ

ทธิ

พลทางความคิ

ดจากวิ

ชามานุ

ษยวิ

ทยาสายอเมริ

กั

นอยู่

หลายประการด้

วยกั

ทั้

งในด้

านที่

ยึ

ดถื

อว่

า วั

ฒนธรรมจะแฝงคติ

พื้

นฐานไว้

ภายใน ซึ่

งเป็

นพลั

งที่

สร้

างสรรค์

และรวมกั

นเป็นลั

กษณะนิ

สั

ยที่

ฝั

งลึ

กอยู่ใต้

จิ

ตส�ำนึ

ก จึ

งท�

ำให้

วั

ฒนธรรมมี

อิ

สระจาก

อิ

ทธิ

พลภายนอก และมี

พลั

งอ�

ำนาจในฐานะตั

วก�

ำหนดชี

วิ

ตด้านอื่

นๆ ตลอดจนการ

ให้

ความส�

ำคั

ญกั

บลั

กษณะพิ

เศษเฉพาะของวั

ฒนธรรมในพื้

นที่

หนึ่งๆ ซึ่

งเท่

ากั

ไม่เห็

นด้วยกั

บความคิ

ดวิ

วั

ฒนาการแบบสากลนิ

ยม ที่

มี

อิ

ทธิ

พลอย่างมากในยุ

โรป