214
ถกเถียงวัฒนธรรม
วาทกรรมการพั
ฒนา ซึ่
งมองว่
าเป็
นการสร้
างความรู้
และความจริ
งในยุ
คสมั
ยใหม่
ที่
มี
ตะวั
นตกเป็
นเจ้
าของความรู้
หลั
ก และส่
งผลอย่
างมหาศาลต่
อประเทศโลกที่
สาม
ตลอดทั้
งชุ
มชนท้
องถิ่
น จนเกิ
ดเป็
นขบวนการเคลื่
อนไหวที่
มี
รากฐานจากองค์
ความรู้
ผ่านการสร้างเวทกรรมของกลุ่มคนชายขอบในหลากหลายมิ
ติ
4.7 บทสรุปและข้อเสนอแนะ
จากงานศึ
กษาประเด็
นวั
ฒนธรรมกั
บการพั
ฒนาในภาคกลางพบว่
า ใน
ระยะหลั
งของการท�
ำงานวิ
จั
ยโดยเฉพาะการวิ
จั
ยแนวภูมิ
ปั
ญญาท้
องถิ่
นหรื
อ
งานทางเลื
อกการพั
ฒนามี
อยู่
มาก (บางส่
วนไม่
ได้
น�
ำเสนอในที่
นี้
) ซึ่
งอาจจะมอง
ว่
าเป็
นเรื่
องน่
ายิ
นดี
ที่
กระแสวั
ฒนธรรมถูกน�
ำมาใช้
ในงานพั
ฒนามากขึ้
น หากแต่
เมื่
อพิ
จารณาถึ
งมิ
ติ
การวิ
เคราะห์
ในงานกลุ
่
มนี้
จะเห็
นว่
ายั
งคงยึ
ดโยงกั
บแนวคิ
ด
เสมื
อนเป็
นสูตรส�
ำเร็
จที่
น�
ำไปสู่
ทางออก ของปั
ญหาการพั
ฒนา หรื
อนั
กวิ
จั
ยพยายาม
ตั้งค�
ำถาม (เชิ
งยัดเยี
ยด) ว่
าชาวบ้
านจะอยู่
รอดด้
วยภูมิปั
ญญาท้
องถิ่
นได้
อย่
างไร
ซึ่
งอาจจะไม่
ต่
างกั
บแนวทางการวิ
เคราะห์
ในยุ
คสมั
ยใหม่
(modernism) เพี
ยงแต่
ตั
วแสดงเปลี่
ยนจากอุ
ตสาหกรรมเป็
นภูมิ
ปั
ญญาท้
องถิ่
น หรื
อเปลี่
ยนจากบทบาท
ผู้เชี่
ยวชาญเป็นชาวบ้านเท่านั้
น
ดั
งนั้
นการศึ
กษาแนวนี้
จึ
งไปไม่
พ้
นวิ
ธี
การมองเพี
ยงระดั
บปรากฏการณ์
หากแต่
ไม่
ได้
มี
การตั้
งค�ำถามต่
อหรื
อไม่
สามารถอธิ
บายความซั
บซ้
อนในบริ
บทที่
แตกต่
างได้
งานศึ
กษาหลายชิ้
นจึ
งติ
ดอยู่
ภายใต้
กั
บดั
กวิ
ธี
คิ
ดแบบคู่
ตรงข้
าม (dichotomy)
ตั
วอย่างเช่น งานเชิ
งภูมิ
ปัญญาหลายชิ้
นพยายามเสนอภาพของการประสบความ
ส�ำเร็จเป็นค�
ำตอบที่เบ็ดเสร็จในตัวเอง โดยขาดการเชื่อมโยงกับสังคมโลก ดังเช่น
ไชยั
นต์
รั
ชชกูล
20
ได้
กล่
าวไว้
อย่
างน่
าสนใจว่
า “แนวคิ
ดภูมิ
ปั
ญญาชาวบ้
านเป็
นสิ่
งที่
กลั
บตาลปัตรในตั
วเอง (irony) กล่าวคื
อ สิ่
งที่
เรี
ยกว่าภูมิ
ปัญญาในปัจจุ
บั
นอาจอยู่
20 อ้างในยุกติ มุกดาวิจิตร (2548).อ่าน “วัฒนธรรม” วาทศิลป์และการเมืองของชาติพันธุ์นิพนธ์แนว
วัฒนธรรมชุมชน.กรุงเทพฯ:ฟ้าเดียวกัน
.