Previous Page  160 / 238 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 160 / 238 Next Page
Page Background

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคกลาง

159

และลาวโซ่

งจะมี

ความเก่

าแก่

มากกว่

าอี

ก 2 กลุ่

มดั

งกล่

าว โดยที่

ลาวโซ่

งสื

บเชื้

อสาย

มาจาก “ไทด�ำ” แต่ไม่ได้เป็นพวกเดี

ยวกั

บ “ไทด�ำ” พั

ฒนาการความเป็นลาวโซ่ง

เกิ

ดขึ้

นได้อย่างไรไม่มี

หลั

กฐานที่

ชั

ดเจน แต่เอกสารในสมั

ยรั

ชการที่

5 อย่างเช่นใน

“ประวั

ติ

การของจอมพลพระมหาอ�

ำมาตย์เอกเจ้าพระยาสุ

รศั

กดิ์

มนตรี

” ได้ปรากฎ

ค�

ำว่

า “ลาวโซ่ง” แล้

วพร้อมด้

วยชื่อเรี

ยกอื่

นๆ เช่

น ลาวทรงด�

ำ (หมายถึง ไทด�ำ

ในเวี

ยดนาม) และลาวสี่

ไม้ หรื

อ “ผู้ไท” ที่

อยู่เมื

องสิ

บสองจุ

ไท ในงานของฉวี

วรรณ

และวรานั

นท์

(2543) ได้

สั

นนิ

ษฐานว่

าอั

ตลั

กษณ์

ชาติ

พั

นธุ์

“ลาว” คงมี

มานานในหมู่

ลาวโซ่งเพราะมี

ค�

ำพั

งเพยว่า “บ่อเคยอิ้

นกอน ฟ้อนแถน บ่แม่นผู้ลาว” เพราะไทด�ำ

ได้

ถูกอพยพไปไว้

ใกล้

เวี

ยงจั

นทร์

และต่

อมาบางส่

วนถูกอพยพมาไว้

ที่

หนองปรง ค�

ำว่

“ลาวโซ่

ง” อาจมาจากการที่

“ลาว” เห็

นไทด�

ำสวมใส่

ชุ

ดน�้

ำเงิ

นเข้

มเกื

อบด�

ำว่

“ลาวซงด�

ำ” เพราะในภาษาลาว ค�

ำ “ซง” (ทรง) มี

ความหมายว่

า “สวมใส่

ซึ่

งข้

อคิ

ดเห็

นนี้

แตกต่

างไปจากที่

ตั้

งสั

นนิ

ษฐานกั

นไว้

ก่

อนว่

า “โซ่

ง” มาจากค�

ำ “ส้

วง”

ซึ่

งแปลว่

า “กางเกง” (สุ

มิ

ตร ปิ

ติ

พั

ฒน์

2521, เรไร สื

บสุ

ข และคณะ 2524 และอื่

นๆ)

แต่

เรื่

องนี้

ยั

งไม่

มี

ข้

อยุ

ติ

ที่

ชั

ดเจน จึ

งยั

งเป็

นข้

อสั

นนิ

ษฐานที่

มี

ความ

หลากหลายอยู่ ในงานศึกษาของฉวีวรรณ และวรานั

นท์ (2543) ระบุว่าลาวโซ่งที่

“หนองเลา” เมื่ออยู่ในกลุ่มตัวเองและพูดภาษาลาวโซ่งจะเรียกตัวเองว่า “ผู้ลาว”

แต่

เมื่

อพูดกั

บคนในกลุ

มอื่

นจะนิ

ยามตั

วเองว่

าเป็

น “ลาวโซ่

ง” และใช้

สั

ญลั

กษณ์

วัฒนธรรมแสดงความเป็นลาวโซ่งแสดงได้ในหลายมิติ ตั้งแต่ภาษา การแต่งกาย

ความเชื่อ พิธีกรรม การตั้งถิ่นฐานที่อยู่

และหลักการในการด�

ำรงชีวิต แต่

ลาวโซ่

ยอมรั

บว่าความเป็นลาวโซ่งมี

การเปลี่

ยนแปลงไป และลาวโซ่งรุ่นหลั

ง (อายุ

ต�่

ำกว่า

30 ปี) จะเรี

ยกตั

วเองว่า “คนโซ่ง” มากกว่าที่

จะเรี

ยกตั

วเองว่า “ลาวโซ่ง”

อย่

างไรก็ตาม งานของฉวีวรรณและวรานั

นท์

(2543) ไม่

ได้

ศึ

กษาประเด็

ทางอั

ตลั

กษณ์

ชาติ

พั

นธุ

โดยตรง จึ

งท�

ำให้

ไม่

มี

ข้

อมูลส�

ำคั

ญอื่

นๆ เกี่

ยวกั

บกระบวนการ

ธ�

ำรงชาติพั

นธุ์ในบริ

บทของรั

ฐไทย

อาระโท โอชิ

มา (2536) ได้ศึ

กษามอญที่

บ้านมน (บ้านม่วง) จ.ราชบุ

รี

และ

แสดงให้

เห็

นว่

ามอญบ้

านม่

วงมี

อั

ตลั

กษณ์

ชาติ

พั

นธุ

ที่

ซั

บซ้

อน คื

อมี

ทั้

งความเป็

นมอญ