154
ถกเถียงวัฒนธรรม
แม้
ว่
างานหลายชิ้
นไม่
ได้
ศึ
กษาลงลึ
กในเรื่
องการเปลี่
ยนแปลงทางวั
ฒนธรรม
หรื
อการปรั
บตั
วของมอญโดยตรง แต่
ได้
กล่
าวพาดพิ
งถึ
งการเปลี่
ยนแปลงใน
ชุ
มชนมอญ อย่
างเช่
น งานของสุ
พิ
ศวง ธรรมพั
นทา และกฤช เจริ
ญน�้
ำทองค�
ำ
(2546) ที่
ศึ
กษาเรื่
องการท�
ำโลงมอญที่
พระประแดง ได้
เขี
ยนถึ
งการเปลี่
ยนแปลง
ในชุ
มชนที่
ศึ
กษา ว่
าชาวนาจ�
ำนวนมากได้
ทิ้
งอาชี
พการท�
ำนาและขายที่
นาไป
ส่วนคนรุ่นหลังก็พูดภาษามอญได้น้อยลงและใช้ภาษาไทยกันมากขึ้น นอกจากนี้
บุ
บผา มีสุ
ข (2540) แสดงภาพการเปลี่
ยนแปลงของชุ
มชนมอญลุ่มแม่น�้
ำกลองว่า
ได้
รั
บผลกระทบจากการอยู่
ใกล้
พื้
นที่
อุ
ตสาหกรรมท�
ำให้
มี
ปั
ญหากั
บการผลิ
ตข้
าว
คนในชุ
มชนจึ
งออกไปหาที่
ท�
ำกิ
นที่
อื่
น สุ
ภาพร มากแจ้ง (2540) ได้ให้ข้อมูลเพิ่
มเติ
ม
เกี่ยวกับบางกระดี่ว่า คนในชุมชนหลายคนมีการเปลี่ยนอาชีพจากการจับสัตว์น�้ำ
เย็
บจาก ตั
ดฟืน ไปเป็นคนงานในโรงงานอุ
ตสาหกรรม ท�
ำให้มี
เวลาพบปะกั
นน้อย
ประเพณี
และพิ
ธี
กรรมต่
างๆ ก็
ถูกละเลยไปบ้
าง เพราะไม่
สอดคล้
องกั
บชี
วิ
ต เศรษฐกิ
จ
แบบอุ
ตสาหกรรม ชโลใจ กลั่
นรอด (2541) มี
ข้
อมูลเพิ่
มเติ
มเกี่
ยวกั
บมอญบางกระดี่
ว่
า
วั
ฒนธรรมที่
เป็
นเอกลั
กษณ์
ของมอญบางกระดี่
ได้
ปรั
บเปลี่
ยนไป เช่
น การแต่
งกายที่
ได้
ละทิ้
งแบบมอญมาเป็
นตามสมั
ยนิ
ยม หรื
อพิ
ธี
กรรมหลั่
งน�้
ำ “ท๊
อบตั
ว” ในวั
นแต่
งงาน
ซึ่
งเดิ
มพ่
อแม่
เท่
านั้
นที่
ท�
ำพิ
ธี
ได้
ปรากฎว่
าได้
ปรั
บเปลี่
ยนไปให้
ญาติ
ๆ และเพื่
อนๆ
ท�
ำพิ
ธี
ให้ได้ หรื
อการเล่นทะแยมอญได้ปรั
บเปลี่
ยนไปสู่การเล่นเชิ
งพาณิ
ชย์มากขึ้
น
มี
งานไม่
มากนั
กที่
เจาะลึ
กศึ
กษาเรื่
องการปรั
บตั
วของ “โพล่
ง” ในฐานะที่
เป็นกลุ่มชาติ
พั
นธุ์ส่วนน้อยและต้องอยู่ภายใต้สั
งคมใหญ่ คื
อ สั
งคมไทยภาคกลาง
และได้
รั
บอิ
ทธิ
พลจากภายนอกภายใต้
กระบวนการพั
ฒนาไปสู่
ความทั
นสมั
ยซึ่
ง
ประกอบด้วยมิติต่างๆ เช่นการตั้งถิ่นฐาน การสร้างเขื่อน การพัฒนาพืชพาณิ
ชย์
และเกษตรทันสมัย การพัฒนาอุตสาหกรรม การศึกษาแบบทางการซึ่งเน้นภาษา
และวั
ฒนธรรมไทยเป็
นศูนย์
กลาง แต่
มี
หลายงานที่
มี
ประเด็
นพาดพิ
งถึ
งการปรั
บตั
ว
ของ “โพล่ง” บ้าง แม้จะไม่ลึ
กซึ้
งนั
ก
งานของวั
ลย์
ลิ
กา สรรเสริ
ญชูโชติ
(2545) มี
ประเด็
นใกล้
เคี
ยงกั
บเรื่
อง
“การปรั
บตั
ว” มากที่
สุ
ดเพราะศึ
กษาผลกระทบของการพั
ฒนาการของเศรษฐกิ
จ