144
ถกเถียงวัฒนธรรม
ในโลกทางเศรษฐกิ
จ ชี
วิ
ตของ “โพล่
ง” ในงานวิ
จั
ยเกื
อบทุ
กชุ
มชนจะคล้
ายกั
น
มากคื
อรากฐานชี
วิ
ตอยู่
ที่
การท�ำไร่
หมุ
นเวี
ยน (ที่
ดิ
น) ในลั
กษณะที่
ว่
าใช้
ดิ
นเพาะปลูก
ในระยะสั้
นเช่
น 1-3 ปี
แล้
วทิ้
งให้
ดิ
นฟื
้
นตั
วระยะยาวประมาณ 5-15 ปี
(หรื
อนานกว่
านี้
)
พื
ชที่
ปลูกมี
หลากหลายแต่
ที่
เป็
นหลั
กคื
อ ข้
าว ซึ่
งมั
กจะปลูกแบบท�
ำนาที่
ลุ
่
มหรื
อ
ท�
ำนาทั้
งปี
ที่
เป็
นพื
ชไร่
ก็
มี
บ้
าง เช่
น ข้
าวโพด กระวาน และพริ
ก นอกจากนี้
ยั
งผสมผสาน
กั
บการหาของป่าและล่าสั
ตว์เล็
ก ที่
ส�
ำคั
ญปรั
ชญาชี
วิ
ตเศรษฐกิ
จของ “โพล่ง” คื
อ
การพึ่งตัวเองและความพอเพียง กิจกรรมทางเศรษฐกิจถูกก�
ำหนดโดยภูมิปัญญา
เชิ
งนิ
เวศและความเชื่
อในเรื่
องสิ่
งเหนื
อธรรมชาติ
อย่
างไรก็
ตาม ในบางชุ
มชนอย่
างเช่
น
ที่
บ้
านปอและทุ
่
งแฝก สวนผึ้
ง จ.ราชบุ
รี
“โพล่
ง” เริ่
มเผชิ
ญกั
บการเปลี่
ยนแปลงบ้
างแล้
ว
เมื่อพื้นที่ท�ำกินลดน้อยลง หลายคนจึงกลายเป็นลูกจ้างโดยเฉพาะหนุ่มสาวเข้าไป
ท�
ำงานรั
บจ้
างในเมื
องมากขึ้
นในเมื่
อการเดิ
นทางเข้
าเมื
องไม่
ได้
ล�ำบากเหมื
อนเมื่
อก่
อน
และมี
แนวโน้
มว่
าการพึ่
งตั
วเองจะลดลง เพราะการบริ
โภคต้
องอาศั
ยสิ
นค้
า
จากตลาด เช่
น วิ
ทยุ
หม้
อหุ
งข้
าวไฟฟ้
าและโทรทั
ศน์
เงิ
นตราจึ
งมี
ความส�
ำคั
ญ
มากขึ้นทุกที พร้
อมทั้งหนี้สินได้
เพิ่มมากขึ้น เหมือนกับชุมชนชนบทในหลายพื้นที่
และหลายกลุ่มชาติ
พั
นธุ์
“โพล่ง” ให้ความส�
ำคั
ญกั
บครอบครั
วเดี่
ยว แม้ว่าผู้ชายจะต้องเข้าไปอยู่กั
บ
ครั
วเรื
อนของฝ่
ายหญิ
ง 1-2 ปี
เพื่
อเป็
นแรงงานให้
กั
บครั
วเรื
อนฝ่
ายหญิ
งในการ
ท�
ำไร่
ท�
ำให้
ผ่
านสภาวะครั
วเรื
อนที่
เป็
นครอบครั
วขยายในช่
วงระยะเวลาหนึ่
ง แต่
หลั
งจากนั้
นก็
แยกเรื
อน โดยสามารถประกอบพิ
ธี
กรรมเองได้
ไม่
ต้
องท�
ำร่
วมกั
บพ่
อแม่
อย่
างไรก็
ตามเรื
อนเป็
นอาณาจั
กรของผู้
หญิ
ง ซึ่
งมี
สิ
ทธิ
ในการตั
ดสิ
นใจแก้
ปั
ญหา
ต่างๆ ฝ่ายชายต้องนั
บถื
อผี
บรรพบุ
รุ
ษของฝ่ายหญิ
ง และลูกๆ สื
บผี
ทางฝ่ายแม่
ในเรื่
องการเมื
อง หรื
อ อาณาบริเวณอ�ำนาจนอกเหนื
อครอบครั
วหรื
อชุ
มชน
และสายตระกูล เช่
นอ�
ำนาจปกครองหมู่
บ้
านเป็
นอาณาจั
กรของผู้
ชายไม่
ว่
าจะ
เป็
นผู้
น�
ำทางการหรื
อผู้
น�
ำดั้
งเดิ
ม ส�
ำหรั
บในการปกครองแบบดั้
งเดิ
ม ความเชื่
อ
ทางศาสนาเป็
นกลไกส�
ำคัญในการผูกพันชุมชน “โพล่ง” เข้
าไว้
ด้วยกัน ผู้
น�
ำทาง
ศาสนาเรี
ยกว่
า “โบงคู้
” (boungkho) ซึ่
งมี
อ�
ำนาจในการปกครองด้
วย ลั
กษณะส�
ำคั
ญ