งานวิจัยวัฒนธรรมภาคใต้ 43
ถึงสุราษฎร์ธานี พบว่า เป็นเส้นทางส�ำคัญที่เริ่มจากคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ผ่าน
ควนลูกปัด ข้ามเขาน้อยจู้จี้ ไปลงคลองสินปุนในอ�ำเภอล�ำทับ แล้วเดิ นทางไปออก
แม่น�้ำตาปีที่อ�ำเภอต่างๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกอ่าวบ้านดอนที่อ�ำเภอเมือง
สุราษฎร์ ธานี ตลอดเส้นทางสายนี้มีชุมชนโบราณหลายแห่ง คือ ชุมชนโบราณ
คลองท่อมหรือควนลูกปัด ชุมชนโบราณเวียงสระ ชุมชนโบราณควนพุนพิ น ชุมชน
โบราณเขาศรีวิ ชัย เป็นต้น แต่ละชุมชนมีหลักฐานทางโบราณคดีที่เกี่ยวข้องกับ
อินเดียปรากฏอยู่มากมาย เส้นทางและชุมชนที่ตั้งอยู่ดังกล่าวแสดงให้ เห็นว่า มี
การเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ของผู้คนมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และยุคของการเดิน
ทางข้ามคาบสมุ ทร งานวิจัยชิ้นนี้จึงบอกให้เห็นการเดินทางติดต่อและการตั้ งถิ่นฐาน
ของชาวอินเดียซึ่ งเดินทางข้ามคาบสมุ ทรจากฝั่ งตะวันตกมายังฝั่งตะวันออกโดย
มิต้องอ้อมแหลมมลายู นับเป็นงานที่ให้ค�ำตอบการแพร่กระจายของวัฒนธรรม
อินเดียมายังภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัด
นครศรีธรรมราช
ส่วนงานอี กชิ้นหนึ่ง ได้ตอบภาพย่อยทางประวัติ ศาสตร์ที่เป็นเรื่องนอก
ประเทศไทยซึ่งเกี่ยวข้องกับภาคใต้ คือ พัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมของ
ชนชาติไทยในรัฐตอนเหนือของมาเลเซีย (ค� ำนวณ นวลสนอง, 2546) คือ รัฐเกดะห์
รัฐปะลิส รัฐเประ รั ฐกะลันตัน และรัฐตรังกานู รัฐดังกล่าวมีชนชาติไทยอาศัยอยู่
เป็นจ�ำนวนไม่น้อย ชนชาติไทยเหล่านี้ได้เปลี่ยนสัญชาติจากชาวไทยเป็นมาเลเซีย
เชื้อสายไทย ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ มีวิถีชีวิตที่สัมพันธ์กับหลักธรรมในพุทธ
ศาสนาทั้งประเพณี พิธีกรรม และแนวทางของการปฏิ บัติที่มี ต่อกันในสังคม พวก
เขาตระหนักในหน้าที่พลเมืองของประเทศมาเลเซีย รักความสงบ ขยันหมั่นเพียรใน
การท�ำมาหากิน งานชิ้นนี้นับว่าเป็ นงานที่ได้เปิดแง่มุมการศึกษาด้านประวัติศาสตร์
ของภาคใต้ที่ศึกษาภายนอกประเทศ ท�ำให้เห็นการแพร่กระจายของกลุ่มชนและเมื่อ
มองย้อนอดีตก็พบความเกี่ยวพันกับการเสียดินแดนของไทยให้กับประเทศอังกฤษ
ยังมีงานศึกษาวิจัยทางประวัติศาสตร์ที่ใช้ข้อมูลจากวรรณกรรมภาคใต้ โดย
เฉพาะวรรณกรรม ยุคเก่าที่บันทึกในหนังสือบุด หรือสมุ ดข่อย และวรรณกรรมอื่นๆ