140
สืบโยดสาวย่าน
ผลการศึกษาเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจ การจัดการทรัพยากร การเปลี่ยนแปลง
ทางสังคม วัฒนธรรม และการปรับตัว ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีศึกษาซาไก กลุ่มที่
อาศัยในเขตอ�ำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ซึ่งผลการวิจัยจะใกล้เคียงกัน สรุปได้
ว่าการสืบเนื่องและการเปลี่ยนแปลงของสังคมซาไกมีผลจากการเปลี่ยนแปลง
ของทรัพยากรภายในบริเวณที่ซาไกอยู่อาศัยและการติดต่อกับสังคมภายนอก และ
การเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของสังคมซาไกสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมทาง
ธรรมชาติ (จิรวดี อ่อนวงศ์ : 2534 และวราภรณ์ บุญรักษ์ : 2534) ท�ำนองเดียวกัน
ผลการศึกษาของ สุวัฒน์ เชื้อหอม (2544) มองว่าการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของ
ซาไกบ้านเหนือคลองตงเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน หลังจากการประกาศใช้นโยบายใต้
ร่มเย็นมี 2 สาเหตุ คือ อาหารในธรรมชาติเหลือน้อย และมีการติดต่อกับชาวบ้าน
ผลงานวิจัยบางเรื่องกล่าวถึงการปรับตัวของซาไกกลุ่มต่างๆ ว่า ซาไกแต็น
แอ็นที่บ้านคลองตง ต�ำบลปะเหลียน อ�ำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เป็นซาไก กลุ่ม
ที่ 2 ที่มีทีท่าว่าจะอยู่เป็นหลักแหล่งถาวร ซาไก กลุ่มนี้เมื่อสมัยที่คอมมิวนิสต์ยังมี
อิทธิพลอยู่แถบเขาบรรทัด ก็ยังเร่ร่อนอยู่ในบริเวณกว้างของพื้นที่แถบนั้น แต่หลัง
จากที่คอมมิวนิสต์สลายตัวไป ชาวบ้านเริ่มเข้าไปท�ำกินมากขึ้น ท�ำให้ความสมบูรณ์
ของพื้นที่น้อยลงและพื้นที่เร่ร่อนก็แคบลงด้วย จึงเริ่มปรับตัวรู้จักเพาะเลี้ยงเล็กน้อย
มาตั้งแต่ราว พ.ศ.2535 โดยหักร้างถางพงบนไหล่เขาประมาณ 3 ไร่ในบริเวณที่
อยู่ปัจจุบัน แล้วปลูกพืชผักผลไม้จ�ำพวกสับปะรด กล้วย ฟักเขียว ขนุน มะพร้าว
ยางพารา เป็นต้น และเมื่อราว พ.ศ.2538 เริ่มสร้างที่อยู่อาศัยถาวรขึ้น และรู้จัก
เลี้ยงสุนัขไว้ใช้ล่าสัตว์ นับตั้งแต่นั้นมาซาไกแต็นแอ็นกลุ่มนี้ก็ไม่ค่อยอพยพโยกย้าย
ไปอยู่ที่อื่น ส�ำหรับซาไกแต็นแอ็นกลุ่มที่พบในแหล่งอื่นๆ รวมทั้งซาไกกลุ่มยะฮายที่
พบในทุกแหล่ง ยังนับว่าไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งแน่นอน ยังเป็นพวกเร่ร่อน ซึ่ง
อาจเร่ร่อนไปอยู่ตามแหล่งที่มีอาหารสมบูรณ์แหล่งละเพียง 10-20 วันก็ย้ายไปหา
ที่อยู่แหล่งใหม่ และอาจวกกลับมาอยู่ที่เดิมอีก หรืออาจเร่ร่อนไปตามงานรับจ้าง
เช่น รับจ้างถางป่า ท�ำสวน และกรีดยางพารา เป็นต้น พวกนี้อาจอยู่ในสวนแห่งใด
แห่งหนึ่งค่อนข้างนานเป็นเดือนหรือหลายเดือน แต่เมื่อหมดงานหรือท�ำงานไม่ได้