Previous Page  140 / 326 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 140 / 326 Next Page
Page Background

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคใต้

139

เกิดจากพี่สาวกับน้องชาย และลูกที่เกิดจากพี่ชายกับน้องสาว เพราะถือว่าพ่อสาย

เลือดต่างกัน นอกจากนั้นนิยมแต่งงานในกลุ่ม “มันนิ” หรือกลุ่มซาไกด้วยกันเอง

มากกว่า แม้ระยะหลังจะแต่งกับคนบ้านหรือ “หะมิ” บ้าง ครอบครัวที่ไม่มีลูกจะขอ

ลูกของญาติพี่น้องมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม พ่อหม้าย หรือแม่หม้ายจะหาคู่แต่งงาน

ใหม่ แม้จะสูงอายุก็ตาม และแม้ในอุดมคติจะเป็นครอบครัวแบบผัวเดียวเมียเดียว

แต่พบว่ามีหนุ่มซาไกคนหนึ่งมีภรรยาถึง 4 หรือ 5 คน พร้อมกัน และแยกทับอยู่ต่าง

หาก (อาภรณ์ อุกฤษณ์ : 2536)

ด้านสุขอนามัย พบว่า ซาไกกลุ่มที่ได้รับการพัฒนาสู่ความทันสมัยเพียงกลุ่ม

เดียว คือกลุ่มบ้านแหร อ�ำเภอธารโต จังหวัดยะลา มีโรงเรียนส�ำหรับเด็ก มีสถานี

อนามัยให้บริการด้านสาธารณสุข มีไฟฟ้าและเครื่องอ�ำนวยความสะดวก มีถนน

หนทางเข้าออกภายนอกได้สะดวก ได้รับสัญชาติไทยมีบัตรประจ�ำตัวประชาชน แต่

ขณะเดียวกันการตั้งบ้านเรือนถาวรท�ำให้ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม

ใหม่ได้ สุขภาพทรุดโทรมลง มีอัตราการตายสูง การเข้าไปของวัฒนธรรมภายนอก

อย่างรวดเร็ว และการพัฒนาที่เน้นวัตถุมากไป ท�ำให้สังคมซาไกกลุ่มดังกล่าวก�ำลัง

ตกอยู่ในภาวะของการสูญเสียเอกลักษณ์และภูมิปัญญาดั้งเดิม อีกทั้งยังหลงใหลกับ

วัตถุฟุ่มเฟือยจนตกอยู่ในสภาพแร้นแค้น และ “หมดตัว” ในปีพ.ศ.2516 หลังจากนั้น

ประชากรซาไกที่มีอยู่ประมาณ 60 คน ก็ลดจ�ำนวนลงเรื่อยๆ หลายครอบครัวอพยพ

ไปอยู่ในประเทศมาเลเซีย ที่เหลืออยู่ในพื้นที่ประมาณ 7-10 คน ในปัจจุบันก็เป็น

ซาไกหญิงหรือชายที่แต่งงานข้ามชาติพันธุ์กับชาวไทย (ไพบูลย์ ดวงจันทร์ : 2546)

ส่วนผลงานเกี่ยวกับพฤติกรรมสุขภาพของชาวซาไก ต�ำบล บ้านแหร อ.ธารโต

จ.ยะลา (วีรวัฒน์ สุขวราห์ : 2540) พบว่า เมื่อซาไกเจ็บป่วย “บอมอ” จะท�ำพิธีขอสมา

ลาโทษและท�ำ “ซาโฮล”โดยเคี้ยวหมากพลูและท่องคาถาก่อนพ่นลงไปบนอวัยวะ

ที่เจ็บปวดและใช้สมุนไพรรักษาโรค นอกจากนั้นผลงานวิจัยหลายเรื่องได้กล่าวถึง

สมุนไพรนานาชนิดที่ซาไกใช้ในการรักษาโรค ด้วยวิถีชีวิตที่คลุกคลีอยู่กับป่าเขา

ล�ำเนาไพรและมีความเชี่ยวชาญในการใช้สมุนไพรเพื่อรักษาโรคนี่เอง จึงให้สมญา

ว่า “ซาไก : เจ้าแห่งขุนเขาและสมุนไพร” (ไพบูลย์ ดวงจันทร์ : 2523)