งานวิจัยวัฒนธรรมภาคเหนือ
63
ก็
มี
แนวโน้
มใหม่
ซึ่
งแม้
จะยั
งคงเป็
นเสี
ยงข้
างน้
อย และเมื่
อนั
บจ�
ำนวนชิ้
นงานวิ
จั
ยแล้
ว
มี
ปริ
มาณน้
อยกว่
าแบบแรกมาก ทว่
ามี
ความส�ำคั
ญในแง่
ที่
เสนอค�
ำนิ
ยามวั
ฒนธรรม
ต่
างออกไป นั่
นก็
คื
อการตั้
งค�
ำถามกั
บการมองวั
ฒนธรรมจากกรอบคิ
ดแบบ
สารั
ตถะนิ
ยม และมองวั
ฒนธรรมเชิ
งวิ
พากษ์
โดยเห็
นว่
าค�
ำนิ
ยามวั
ฒนธรรมก็
ดี
หรือปฏิบัติการทางวัฒนธรรมก็ดีล้วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการเชิงอ�
ำนาจของการ
สถาปนาความเป็
นจริ
งทางสั
งคมบางอย่
างขึ้
นมา งานวิ
จั
ยแนวนี้
เพิ่
งได้
รั
บความนิ
ยม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จัดได้ว่าเป็นงานที่อยู่ในกระแสธารความคิดของแนวทฤษฎี
หลั
งสมั
ยใหม่ และอิ
ทธิ
พลจากแนววั
ฒนธรรมศึ
กษา (cultural studies)
งานในกลุ
่
มนี้
ตั้
งค�
ำถามกั
บการผูกโยงความหมายของศิ
ลปวั
ฒนธรรมกั
บ
เรื่
องของระบบคุ
ณค่
า ไม่
ว่
าจะเป็
นคุ
ณค่
าทางสุ
นทรี
ยะหรื
อคุ
ณค่
าร่
วมทางสั
งคม
จุ
ดร่
วมของงานในกลุ
่
มนี้
ก็
คื
อ เสนอการมองวั
ฒนธรรมใหม่
โดยมุ
่
งจะสลั
ดมโนทั
ศน์
นี้
ให้หลุ
ดพ้นจากการผูกกั
บวิ
ธี
คิดแบบสารั
ตถะนิ
ยม ประการแรก กลุ่มนี้
มองศิ
ลป
วั
ฒนธรรมเป็
นเรื่
องของภาพแทนความจริ
ง
(representation) มากกว่
าที่
จะมองว่
าศิ
ลป
วัฒนธรรม
สะท้อนความเป็นจริง
เรื่องนี้เป็นประเด็นเชิงญานวิ
ทยา (epistemology)
นั่
นก็
คื
อ วิ
ธี
คิ
ดนี้
ตั้
งค�ำถามกั
บความเคยชิ
นที่
เรามั
กทึ
กทั
กเอาตามสามั
ญส�
ำนึ
กว่
า
สิ่
งต่างๆ รอบตั
วเรา ทั้
งสิ่
งที่
มี
อยู่ในธรรมชาติ
เช่นต้นไม้ ภูเขา หรื
อ ความเป็นชาติ
วั
ฒนธรรม หรื
อความเป็นเพศของตั
วเราเอง ล้วนเป็น “ความจริ
ง” ที่
ถูกก�
ำหนดมา
ให้ “ตามธรรมชาติ
” แนวคิ
ดหลั
งสมั
ยใหม่วิ
พากษ์ความไร้เดี
ยงสาที่
ไม่ตระหนั
กว่า
เรามองเห็
นและเข้
าใจทุ
กๆ สิ่
งผ่
านเครื่
องกรองทางวั
ฒนธรรมเสมอ เพี
ยงแต่
ว่
า
เครื่
องกรองนั้
นโปร่
งใสเสี
ยจนเรามองไม่
เห็
นและไม่
ตระหนั
กว่
ามั
นมี
อยู่
วิ
ธี
คิ
ดที่
สลาย
มายาการเช่
นนี้
ท�
ำให้
ศิ
ลปวั
ฒนธรรมกลายเป็
นส่
วนหนึ่
งของเครื่
องกรองที่
เราใช้
มอง
โลกและสิ่
งต่
างๆ เมื่
อเป็
นเช่
นนั้
น ระบบคุ
ณค่
าทั้
งสามประการของงานศิ
ลปะที่
กล่
าว
ไปข้
างต้
น คื
อความงามทางสุ
นทรี
ยะ พลั
งสร้
างสรรค์
ความงามของปั
จเจก และ
ระบบคุ
ณค่
าและภูมิ
ปั
ญญาของสั
งคมซึ่
งเคยถูกถื
อว่
าเป็
นสารั
ตถะของวั
ฒนธรรม
และเป็
นความจริ
งในตั
วเองล้
วนต้
องถูกตั้
งค�
ำถามทั้
งสิ้
น ศิ
ลปะคื
ออะไรแน่
ต้องเป็นเรื่
องความงามเท่านั้
นหรื
อ อะไรคื
อมาตรวั
ดว่าสิ่
งใด “งาม” หรื
อ “ไม่งาม”