Previous Page  46 / 272 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 46 / 272 Next Page
Page Background

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคเหนือ

45

รูปแบบบ้

านเขตดั

งกล่

าว แนวการศึ

กษาเช่

นนี้

จั

ดอยู่

ในกรอบการอธิ

บายเชิ

งจุ

ดก�ำเนิ

(genetic mode of analysis) โดยได้

อิ

ทธิ

พลจากทฤษฎี

การแพร่

กระจายทางวั

ฒนธรรม

(diffusionism) จากนั้

นในบทต่อๆมาของหนั

งสื

อ ผู้วิ

จั

ยหั

นกลั

บมาหากรอบคิ

ดแบบ

โครงสร้างนิยม คือศึกษาความสอดคล้องกันของโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมกับ

โครงสร้างของความคิ

ดทางวั

ฒนธรรม มี

การสนทนาอย่างมี

ชี

วิ

ตชี

วาระหว่างข้อมูล

ที่ได้จากการศึกษาเปรียบเทียบและกรอบทฤษฎี เช่น แม้จะน�ำวิธีการของ ปิแยร์

บูร์

ดิ

เยอร์

มาใช้

ซึ่

งเป็

นตั

วอย่

างคลาสสิ

คของการศึ

กษาเรื่

องการใช้

พื้

นที่

ในบ้

านและค่

นิ

ยมทางสั

งคม โดยเฉพาะกรอบการแบ่

งแยกทางเพศ ผู้

วิ

จั

ยตั้

งค�

ำถามว่

าข้

อสรุ

ปของ

บูร์

ดิ

เยอร์

นั้

น เป็

นข้

อสรุ

ปของตั

วบูร์

ดิ

เยอร์

เองหรื

อเป็

นวิ

ธี

คิ

ดของชาวเบอร์

เบอร์

กั

นแน่

ผู้

วิ

จั

ยยั

งพบจากข้

อมูลสนามในเขตที่

ศึ

กษาว่

า ตรงกั

นข้

ามกั

บกรณี

ของชาวเบอร์

เบอร์

ที่

มี

การแบ่

งแยกทางเพศชั

ดเจน บ้

านในเอเชี

ยตะวั

นออกเฉี

ยงใต้

ดูจะไม่

จ�

ำกั

กรอบของผู้หญิ

งให้อยู่แต่เพี

ยงในครั

วเรื

อน ผู้หญิ

งที่

นี่

มี

บทบาทส�

ำคั

ญในเศรษฐกิ

พิ

ธี

กรรมและบางครั้

งในทางการเมื

องด้

วย โลกทั

ศน์

ของคนแถบนี้

ดูจะชื่

นชมการผสม

ผสานพลั

งของทั้

งสองเพศมากกว่าที่

จะเน้นการแยกทั้

งสองเพศให้เป็นขั้

วตรงข้าม

นอกจากรูปแบบการอธิ

บายเชิ

งโครงสร้

างหรื

อเชิ

งจุ

ดก�

ำเนิ

ดแล้

ว รูปแบบ

การวิ

เคราะห์สั

งเคราะห์ข้อมูลอี

กแบบหนึ่

งก็

คื

อ การอธิ

บายหรื

อวิ

เคราะห์เชิ

งหน้าที่

(functional mode of analysis) การอธิ

บายในแนวนี้

ครอบคลุ

มการใช้

ทฤษฎี

แบบหน้

าที่

นิยม (functionalism) หรือโครงสร้างหน้าที่นิยม (structural functionalism) ตลอด

จนการอธิ

บายทางประวั

ติ

ศาสตร์ หรื

อรั

ฐศาสตร์ที่

เน้นบทบาททางสั

งคมของศิ

ลปะ

งานวิ

จั

ยเรื่

องผ้าของซูซาน คอนเวย์ (Conway, 2003) เป็นงานระดั

บมหภาคที่

ใช้ทั้

ข้อมูลประวั

ติ

ศาสตร์ มานุ

ษยวิ

ทยา การสั

มภาษณ์ และสั

งเกตการณ์ ผู้เขี

ยนชี้

ให้

เห็

นบทบาททางสั

งคมของผ้า เช่น การเรี

ยนทอผ้าเป็นกลไกที่

ผู้หญิ

งได้รั

บการปลูก

ฝังค่านิยมทางศาสนา และผ้ายังเป็นเครื่องมือของการสื่อสารเพื่อแสดงอัตลักษณ์

ทั้

งอั

ตลั

กษณ์

เฉพาะบุ

คคล อั

ตลั

กษณ์

ประจ�

ำชาติ

พั

นธุ

และอั

ตลั

กษณ์

ทางชนชั้

นอกจากนั้

น เพื่

อแก้

ไขจุ

ดอ่

อนของหน้

าที่

นิ

ยมในเรื่

องการวิ

เคราะห์

เชิ

งสถิ

ตย์

ผู้

เขี

ยน

จึ

งเน้

นบทบาทของผ้

าในกระบวนคลี่

คลายทางประวั

ติ

ศาสตร์

ด้

วย ในแง่

การเมือง