Previous Page  193 / 272 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 193 / 272 Next Page
Page Background

192

กำ�กึ๊ดกำ�ปาก

ในอ�

ำเภอเชี

ยงดาวเป็

นผู้

สื

บทอดความเชื่

อและพิ

ธี

กรรม ส่

วนชาวอ�

ำเภอแม่

ใจก็

ผูกพั

กั

บความเชื่

อเรื่

องเจ้

าหลวงค�

ำแดงเช่

นเดี

ยวกั

น ทั้

งในฐานะผี

อารั

กษ์

และวี

รบุ

รุ

ท้

องถิ่

น ด้

วยการโยงใยความเกี่

ยวข้

องตามต�

ำนาน เท่

าที่

ผ่

านมานั้

นผู้

น�

ำท้

องถิ่

ในฐานะผู้รู้

เคยมีบทบาทหลักในการประกอบพิธีกรรมและสืบทอดความเชื่อต่

างๆ

ส่

วนรายละเอียดของการจั

ดการพิ

ธี

กรรมส่

วนใหญ่

นั้

น ผู้

ประกอบพิ

ธี

ฝ่

ายหญิ

งจะ

สื

บทอดอ�

ำนาจในการควบคุ

มพิ

ธี

กรรมทั้

งหลาย ดั

งนั้

นเมื่

อเจ้

าหน้

าที่

รั

ฐระดั

บอ�

ำเภอ

หั

นมาสนั

บสนุ

นงบประมาณในการสร้

างหอผี

และส่

งเสริ

มพิ

ธี

กรรมต่

างๆ ที่

เกี่

ยวข้

อง

กั

บเจ้

าหลวงค�

ำแดง ในความพยายามที่

จะเข้

ามามี

บทบาทน�

ำในการก�

ำหนดพิ

ธี

กรรม

และความเป็

นท้

องถิ่

นมากขึ้

น จึ

งเกิ

ดการช่

วงชิ

งและต่

อรองอ�

ำนาจในการจั

ดการพื้

นที่

พิ

ธี

กรรมระหว่

างเจ้

าหน้

าที่

รั

ฐและชาวบ้

าน ซึ่

งไม่

พอใจการเข้

ามาช่

วยเหลื

อของรั

ฐนั

เพราะคิ

ดว่าคนนอกไม่รู้เรื่

องพิ

ธี

กรรมเพี

ยงพอ

ในปั

จจุ

บั

นพิ

ธี

กรรมได้

เข้

าไปมี

ส่

วนอยู่

ในการเมื

องของการต่

อรองการพั

ฒนา

ในฐานะที่

เป็

นพื้

นที่

ช่

วงชิ

งและต่

อรองความรู้

และอั

ตลั

กษณ์

อย่

างเข้

มข้

นระหว่

าง

ชาวบ้

านและรั

ฐ ทั้

งนี้

เพราะพิ

ธี

กรรมนั้

นเป็

นทั้

งพื้

นที่

ของความรู้

และพื้

นที่

ของการ

นิ

ยามตั

วตนของคนท้

องถิ่

น เมื่

อรั

ฐพยายามจะเข้

ามามี

บทบาทน�

ำมากขึ้

นในพื้

นที่

นี้

จึงพบว่าชาวบ้านมักจะต่อต้าน ในความพยายามที่จะต่อรองกับความรู้ที่ครอบง�ำ

และช่

วงชิ

งอั

ตลั

กษณ์

ของตนให้

อิ

สระจากการควบคุ

มของรั

ฐให้

มากที่

สุ

ด เพื่

พลวั

ตของชุ

มชนท้

องถิ่

นโดยเฉพาะในบริ

บทของการพั

ฒนาที่

ก�

ำลั

งเปลี่

ยนแปลง

ให้

วัฒนธรรมตายตั

วและกลายเป็

นสิ

นค้

ามากขึ้

น ดั

งกรณี

ศึ

กษาต่

างๆ ในหนั

งสื

เรื่

อง

เจ้าที่และผีปู่ย่า: พลวัตของความรู้ชาวบ้าน อ�ำนาจและตัวตนของ

คนท้องถิ่น

(อานั

นท์ 2555ข) เพราะหากชาวบ้านมีอ�

ำนาจในการควบคุมความรู้

และก�

ำหนดอั

ตลั

กษณ์

ของตนได้

เองแล้

ว ชุ

มชนท้

องถิ่

นก็

จะสามารถปรั

บตั

วให้

มี

ทางเลื

อกได้

อย่

างหลากหลาย ในบริ

บทของการเผชิ

ญหน้

ากั

บการเปลี่

ยนแปลงอย่

าง

รวดเร็

ว แทนที่

จะผูกติ

ดอยู่

กั

บวาทกรรมการพั

ฒนากระแสหลั

กที่

ไม่

ได้

เปิ

ดทางเลื

อก

ให้มากนั