Previous Page  180 / 272 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 180 / 272 Next Page
Page Background

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคเหนือ

179

แต่

ผู้

ที่

จะรั

กษาต�

ำแหน่

งไว้

ให้

ได้

หลายสมั

ยนั้

นจะต้

องแสดงให้

ชาวบ้

านเห็

นว่

า พวกตน

สามารถตอบสนองความคาดหวั

งในการบริ

โภคความเป็

นสมั

ยใหม่

ได้

ผ่

านความ

สามารถในการต่

อรองกับรั

ฐและผู้

น�

ำท้

องถิ่

นภายนอกชุ

มชน เพื่

อระดมทรั

พยากร

เข้

ามาในชุ

มชน ซึ่

งถื

อได้

ว่

าเป็

นส่

วนหนึ่

งของการช่

วงชิ

งวาทกรรมการพั

ฒนา

ของชาวบ้

าน ที่

หั

นมาเน้

นความส�

ำคั

ญของคุ

ณภาพชี

วิ

ต ทั้

งด้

านการผลิ

ตและ

การด�ำรงชีวิตให้หลุดพ้นจากภาพลักษณ์ที่ล้าหลัง แทนการยึดติดอยู่กับวาทกรรม

การพั

ฒนาที่

ผูกอยู่

กั

บการพั

ฒนาโครงสร้

างพื้

นฐานเท่

านั้

น อย่

างไรก็

ตามการเลื

อกตั้

ในท้องถิ่

นดั

งกล่าวก็

ส่งผลให้ชาวบ้านแบ่งแยกออกเป็นฝักเป็นฝ่าย และขั

ดแย้งกั

ไปตามขั้

วอ�ำนาจต่างๆ ในชุ

มชนมากขึ้

นตามมาด้วย

ในบทความวิ

จั

ยเรื่

อง “Standing in the shadows: of matrilocality and the

role of women in a village election in northern Thailand” (Bowie 2008) ก็

พบว่า

การเลื

อกตั้

งท้องถิ่

น ทั้

งการเลื

อกผู้ใหญ่บ้านและสมาชิ

กองค์การบริ

หารส่วนต�

ำบล

มั

กสร้

างความขั

ดแย้

งในชุ

มชนให้

แบ่

งแยกออกเป็

นฝั

กเป็

นฝ่

ายอย่

างรุ

นแรงมากกว่

การเลือกตั้งระดับชาติเสียอีก ซึ่งกระทบต่อทั้งการแต่งงาน เครือญาติสายผู้หญิง

และ ความสัมพันธ์ต่างๆ ระหว่างชุมชน ในสภาวะดังกล่าว แม้ผู้หญิงอาจจะยัง

ไม่

ได้

ลงสมั

ครเข้

ารั

บเลื

อกตั้

งโดยตรงมากนั

ก แต่

ก็

ไม่

ได้

หมายความว่

าผู้

หญิ

งไม่

มี

บทบาททางการเมื

องเสี

ยเลย เพราะในความจริ

งแล้วผู้หญิ

งมีบทบาททางการเมื

อง

อย่

างส�

ำคั

ญอยู่

หลายด้

าน ในด้

านหนึ่

งผู้

หญิ

งมั

กจะอยู่

เบื้

องหลั

งการเลื

อกตั้

งในภาค

ทางการ ด้

วยการใช้

เครื

อข่

ายสายเครื

อญาติ

ฝ่

ายผู้

หญิ

งสร้

างโยงใยเป็

นพลั

งสนั

บสนุ

ผู้

สมั

ครรั

บเลื

อกตั้

ง ขณะที่

ผู้

ชายผู้

ลงสมั

ครรั

บเลื

อกตั้

งมั

กเป็

นคนที่

แต่

งงานเข้

ามา

ในชุมชน และอยู่ในฐานะเหมือนเป็

นคนอื่นที่ไร้

ญาติขาดมิตรในชุมชน จึงต้องพึ่ง

บทบาททางการเมื

องของผู้

หญิ

ง ในอี

กด้

านหนึ่

งผู้

หญิ

งจะมี

บทบาททางการเมื

องใน

การเชื่

อมประสานรอยร้าวภายในชุ

มชนและระหว่างชุ

มชน ที่

เกิ

ดจากความขั

ดแย้ง

ในการเลื

อกตั้

ง ด้วยการไม่แสดงตนอย่างออกหน้าออกตาว่าฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่

ในทางการเมือง เพื่อรักษาความเป็นกลางเอาไว้ ซึ่งช่วยให้สามารถเชื่อมประสาน

ระหว่างฝ่ายต่างอยู่เบื้

องหลั

งได้อย่างดี