งานวิจัยวัฒนธรรมภาคเหนือ
169
นิ
ยามความหมายของต้
นน�้
ำ บนพื้
นฐานของความรู้
ท้
องถิ่
น ที่
ไม่
ใช่
เป็
นความรู้
ตายตั
วแบบแก่
นสารนิ
ยม หากแต่
เป็
นความรู้
ผ่
านการปฏิ
บั
ติ
การเกี่
ยวข้
องกั
บวิ
ถี
การ
ด�
ำรงชี
วิ
ตที่
ปรั
บเปลี่
ยนอยู่
ตลอดเวลา นอกจากจะนิ
ยามป่
าต้
นน�้
ำว่
าเป็
นป่
าศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ที่
พวกเขาอนุ
รั
กษ์
ไว้
ด้
วยเช่
นเดี
ยวกั
นแล้
ว พวกเขายั
งอธิ
บายอี
กด้
วยว่
า การท�ำลายป่
า
ในพื้นที่
ท�ำกินของพวกเขานั้
น มี
ที่มาที่ไปจากประวั
ติ
ศาสตร์
ของความสั
มพันธ์
กับ
อ�
ำนาจภายนอกที่
ซั
บซ้อน โดยเฉพาะนโยบายปราบปรามการปลูกฝิ่น ด้วยการส่ง
เสริ
มการปลูกพื
ชทดแทนฝิ่
น ผ่
านโครงการพั
ฒนาที่
สูงต่
างๆ ซึ่
งส่
งผลกระทบต่
อการ
ท�
ำลายป่
าเพื่
อขยายที่
เพาะปลูกเพิ่
มขึ้
น ในขณะที่
พวกเขาพยายามแสวงหาทางเลื
อก
ในการจัดการป่าใหม่ๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนระบบการเพาะปลูกพืช เช่น ลดพื้นที่
ปลูกผั
กกล�่
ำปลี
ลง และหั
นไปปลูกไม้ผลยื
นต้นต่างๆ แทนที่
พร้อมๆ กั
บทดลองจั
ด
พื้นที่บางส่วนรอบๆ หมู่บ้านเป็นป่าชุมชนด้วย ซึ่งแสดงถึงความพยายามปรับตัว
ของคนม้
งต่
อแรงกดดั
นจากกระแสของการอนุ
รั
กษ์
เพื่
อต่
อรองกั
บอ�
ำนาจจาก
ภายนอก ที่
จะเอื้
อให้พวกเขาสามารถอยู่กั
บป่าต่อไปได้ (Pinkaew 2000: 67-68)
กรณี
ศึ
กษาเช่
นนี้จึ
งบ่
งบอกอย่
างชั
ดเจนว่
า การช่
วงชิ
งการนิ
ยามความรู้
ของกลุ่มชนต่างๆ นั้
นส่งผลต่อการแสวงหาทางเลื
อกในการพั
ฒนาและการอนุ
รั
กษ์
ไปด้
วยพร้
อมๆ กั
น ด้
วยเหตุ
ที่
การมองความรู้
ท้
องถิ่
นไม่
สามารถมองอย่
างเหมารวม
และตายตั
วได้
เพราะแนวคิ
ดใหม่
ที่
ได้
รั
บจากกรณี
ศึ
กษานี้ก็
คื
อ ความรู้
ท้
องถิ่
น
สามารถแสดงออกผ่
านปฏิ
บั
ติ
การของกลุ
่
มชน ที่
ปรั
บเปลี่
ยนอยู่
ตลอดเวลา โดย
เฉพาะในบริ
บทของการช่
วงชิ
งความรู้
ในเรื่
องต่
างๆ ซึ่
งมี
นั
ยส�
ำคั
ญต่
อการช่
วงชิ
ง
ความรู้ในการพั
ฒนานั่
นเอง
แต่
การวิ
จั
ยของนั
กวิ
ชาการชาวต่
างประเทศ เช่
น บทความที่
สรุ
ปมาจาก
วิ
ทยานิ
พนธ์ปริ
ญญาเอกของ ทอมฟอร์ด เรื่
อง “The global in the local: contested
resource-use of the Karen and Hmong in northern Thailand” (Tomforde 2003)
ซึ่
งศึ
กษาทั้
งชุ
มชนชาวปกาเกอะญอและชาวม้
งในเขตอุ
ทธยานแห่
งชาติ
ดอย
อิ
นทนนท์
พบว่
า กลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ทั้
งสองเลื
อกที่
จะตอบโต้
กั
บวาทกรรมการพั
ฒนาและ
การอนุ
รั
กษ์
ระดั
บโลกแตกต่
างกั
น ในกรณี
ของชาวปกาเกอะญอ ซึ่
งเดิ
มเคยมี
ความรู้