Previous Page  168 / 272 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 168 / 272 Next Page
Page Background

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคเหนือ

167

การทั

กท้

วงดั

งกล่

าวได้

จุ

ดชนวนให้

เกิ

ดวิ

วาทะทางวิ

ชาการขึ้

น เกี่

ยวกั

ข้

อถกเถี

ยงในเรื่

องความเข้

าใจนั

ยของภูมิ

ปั

ญญาท้

องถิ่

น โดยยศ สั

นตสมบั

ติ

(Yos 2004) นั

กมานุ

ษยวิ

ทยาแห่งมหาวิ

ทยาลั

ยเชี

ยงใหม่ได้เริ่

มออกมาโต้แย้ง ด้วย

การเสนอให้เปลี่ยนมุมมองภูมิปัญญาของชาวปกาเกอะญอเสียใหม่ว่าเป็นทุนทาง

วั

ฒนธรรม ตามความหมายของบูดิเออร์ (Bourdieu 1986) ที่

ชาวปกาเกอะญอเอง

ได้

น�

ำมาใช้

สร้

างเป็

นกลยุ

ทธ์

เพื่

อต่

อต้

านวาทกรรมครอบง�

ำของหน่

วยงานภาครั

ที่

มั

กจะมองภาพชาวปกาเกอะญอเพี

ยงด้

านลบ ผ่

านการปรั

บเปลี่

ยนความรู้

ให้

มี

อ�

ำนาจเชิ

งสั

ญลั

กษณ์

ในการนิ

ยามตั

วเองว่

าเป็

นคนอนุ

รั

กษ์

ป่

า เพื่

อตอบโต้

กั

วาทกรรมของรั

ฐที่

มั

กจะมองพวกเขาว่าเป็นคนท�

ำลายป่าอยู่ร�่

ำไป

ข้

อเสนอของ ยศ สั

นตสมบั

ติ

ช่

วยเปิ

ดมุ

มมองใหม่

ในการศึ

กษาความรู้

ท้

องถิ่

พร้

อมๆ กั

บการเน้

นเตื

อนให้

หั

นมามองภูมิ

ปั

ญญาท้

องถิ่

นในบริ

บทของความสั

มพั

นธ์

เชิ

งอ�

ำนาจ ที่

เกี่

ยวข้

องกั

บการต่

อสู้

เพื่

อปรั

บเปลี่

ยนอั

ตลั

กษณ์

ของคนท้

องถิ่

น ซึ่

งบ่

งชี้

ให้

เห็

นถึ

งพลวั

ตของภูมิ

ปั

ญญาท้

องถิ่

นในการปรั

บเปลี่

ยนได้

อย่

างสลั

บซั

บซ้

อน

ทั้งนี้

ก็

เพื่อจะช่

วยให้

การวิจั

ยสามารถก้

าวข้

าม หรื

อทะลุ

ออกไปจากความคิดแบบ

คู่

ตรงกั

นข้

าม ในขณะที่

วอคเกอร์

มองภูมิ

ปั

ญญาท้

องถิ่

นในบริ

บทของการพั

ฒนา

ทุ

นนิ

ยมโลก ด้

วยความไม่

มั่

นใจว่

าภูมิ

ปั

ญญาท้

องถิ่

นจะต้

านทานกระแสของทุ

นนิ

ยม

โลกได้

เพราะยั

งคงยึ

ดติ

ดอยู่

ในความคิ

ดแบบคู่

ตรงข้

ามเพี

ยงด้

านใดด้

านหนึ่

ง ซึ่

งก็

ไม่

แตกต่

างมากนั

กจากนั

กวิ

ชาการไทยบางส่

วน ที่

ยั

งคงยึ

ดติ

ดอยู่

กั

บความคิ

ดคู่

ตรงข้

าม

เช่นเดี

ยวกั

น เพี

ยงแต่เชื่

อมั่

นไปในทางตรงกั

นข้ามว่า ภูมิ

ปัญญาท้องถิ่

นมี

ศั

กยภาพ

เพี

ยงพอในการต่อต้านทุ

นนิ

ยมโลกาภิ

วั

ตน์เท่านั้

การหันมามองความรู้และภูมิปัญญาในบริบทของความสัมพันธ์เชิงอ�ำนาจ

นั้

น ไม่

เพี

ยงช่

วยให้

ความคิ

ดในการวิ

จั

ยก้

าวหลุ

ดพ้

นออกมาจากการเห็

นความรู้

แบบ

ตายตั

วในเชิ

งแก่

นสารนิ

ยมเท่

านั้

น แต่

ยั

งช่

วยให้

เปลี่

ยนไปสนใจความรู้

ในแง่

ของ

การช่

วงชิงความหมาย หรือการช่

วงชิงการนิยามความรู้

ต่

างๆ ตามแนวความคิด

การเมืองวัฒนธรรมของกรัมชีด้วย จนท�

ำให้การวิจัยจ�

ำนวนหนึ่

งหลังปี พ.ศ 2540

เริ่

มหั

นมาปรั

บใช้มุ

มมองนี้

เพิ่

มมากขึ้