

162
กำ�กึ๊ดกำ�ปาก
ความหมายของการพั
ฒนา สิ
ทธิ
อั
ตลั
กษณ์
จนถึ
งความรู้
และภูมิ
ปั
ญญาในเรื่
องต่
างๆ
ที่
ไม่
ชั
ดเจนและไม่
ตายตั
ว แต่
ยั
งคงเป็
นประเด็
นถกเถี
ยง ขั
ดแย้
ง และช่
วงชิ
งความหมาย
กั
นอยู่
การวิ
จั
ยในแนวทางดั
งกล่
าวจึ
งมั
กขึ้
นอยู่
กั
บความรู้
และความเข้
าใจ
ในแนวความคิ
ดและทฤษฎี
ทางสั
งคมศาสตร์
ค่
อนข้
างมาก เพื่
อช่
วยเชื่
อมโยงประเด็
น
และแง่
มุ
มต่
างๆ ซึ่
งหากมองดูอย่
างผิ
วเผิ
นแล้
วอาจจะมองไม่
เห็
นความเกี่
ยวข้
อง
อย่
างชั
ดเจน งานส่
วนใหญ่
มั
กจะจ�
ำกั
ดอยู่
ในงานประเภทวิ
ทยานิ
พนธ์
ในระดั
บ
บั
ณฑิ
ตศึ
กษา
ส�
ำหรั
บในกรณี
ของภาคเหนื
อ นั
บตั้
งแต่
ปี
พ.ศ. 2540 เป็
นต้
นมา จะพบการวิ
จั
ย
ภาคสนามอย่
างเข้
มข้
นในหั
วข้
อท�
ำนองนี้
หลายชิ้
น โดยเฉพาะงานวิ
จั
ยเพื่
อการ
ท�
ำวิ
ทยานิ
พนธ์
ระดั
บบั
ณฑิ
ตศึ
กษา แม้
ว่
าประเด็
นนี้
อาจจะคาบเกี่
ยวอยู่
บ้
างกั
บเรื่
อง
ชาติ
พั
นธุ
์
ซึ่
งเป็
นประเด็
นเฉพาะของข้
อเขี
ยนอี
กบทหนึ่
งในหนั
งสื
อเล่
มนี้
อยู่
แล้
วก็
ตาม
แต่
ในบทนี้
จะเน้
นเฉพาะประเด็นชาติพันธุ์
ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและการพัฒนา
เท่านั้
น
เริ่
มจากวิ
ทยานิ
พนธ์
ของสมบั
ติ
บุ
ญค�
ำเยื
อง (2540) เรื่
อง ‘ปั
ญหาการนิ
ยาม
ความหมายของป่าและการอ้างสิทธิเหนือพื้นที่: กรณีศึกษาชาวลาหู่’ ซึ่งถกเถียง
ปั
ญหาการพั
ฒนาพื้
นที่
สูงว่
าเกี่
ยวข้
องกั
บวาทกรรมการพั
ฒนาและการอนุ
รั
กษ์
ธรรมชาติ
ด้
วยการชี้
ให้
เห็
นว่
า ชาวลาหู่
ต้
องพยายามดิ้
นรนต่
อสู้
กั
บการนิ
ยาม
ความหมายการพั
ฒนาของภาครั
ฐ ที่
มี
ลั
กษณะครอบง�ำ ผ่
านการเน้
นความจริ
ง
เพี
ยงด้
านเดี
ยว เพราะมุ
่
งเน้
นนั
ยของการพั
ฒนาเฉพาะด้
านการสร้
างโครงสร้
างพื้
นฐาน
สมั
ยใหม่
เพื่
อสนั
บสนุ
นเศรษฐกิ
จเชิ
งพาณิ
ชย์
เป็
นหลั
ก ขณะเดี
ยวกั
นก็
ใช้
ความหมาย
นั้นในเชิ
งเปรี
ยบเที
ยบ เพื่
อกล่
าวหาชาวลาหู่
ว่
าด้
อยพั
ฒนา เพราะยั
งยึ
ดติ
ดอยู่
กั
บเศรษฐกิ
จแบบล้
าหลั
ง บนพื้
นฐานของการท�
ำไร่
แบบย้
ายที่
เพื่
อเลี้
ยงชี
พเท่
านั้
น
ซึ่
งเท่
ากั
บไปลดทอนความเข้
าใจระบบการเกษตรบนที่
สูงของชาวลาหู่
ลงไปอย่
างมาก
จนน�ำไปสู่ความพยายามการกีดกันชาวลาหู่ไม่ให้ใช้พื้นที่ป่า โดยถือว่าเป็นการใช้
ที่ท�
ำลายป่
า เพราะขาดความรู้
ด้
านการอนุรั
กษ์
ธรรมชาติ
สมัยใหม่
ตามที่ภาครัฐ