งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน
53
ผ้าสไบเบี่
ยงไปร่วมพิ
ธี
การส�
ำคั
ญ
ส่วน ลั
กขณา จตุ
โพธิ์
(2541) ได้ศึ
กษากระบวนการท�
ำเครื่
องหมายจั
กสาน
ไม้ไผ่ และคุณค่าของเครื่องจักสานไม้ไผ่ต่อวิถีชีวิตของชาวผู้ไทยบ้านโพน อ�
ำเภอ
ค�
ำม่
วง จั
งหวั
ดกาฬสิ
นธุ
์
พบว่
าชาวผู้
ไทยบ้
านโพนได้
ยึ
ดแนวทางศิ
ลปหั
ตถกรรม
แบบดั้
งเดิ
มที่
ว่
า “ผู้
หญิ
งทอฟ้
าที่
มี
ความงามทางด้
านลวดลาย ส่
วนผู้
ชายท�
ำ
เครื่
องจั
กสานด้
วยความประณี
ต” ดั
งนั้
นการท�
ำเครื่
องจั
กสานไม้
ไผ่
ประเภท
เครื่
องใช้
สอยภายในบ้
าน จึ
งมี
ความละเอี
ยดในการสานเพราะใช้
เป็
นประจ�
ำ
ส่
วนประเภทเครื่
องมื
อจั
บสั
ตว์
จะท�ำแบบง่
ายและได้
ประโยชน์
จากเครื่
องจั
กสานไม้
ไผ่
ในการพกพาและใช้แสวงหาอาหารในท้องถิ่
น
ทราย (2542) ได้
เขี
ยนบทความเกี่
ยวกั
บผ้
าไหมแพรวา เป็
นชื่
อเฉพาะที่
ชาวอี
สานทั่
วไปเรี
ยกผ้
าชนิ
ดหนึ่
ง ใช้
ส�
ำหรั
บคลุ
มไหล่
หรื
อห่
มสไบเฉี
ยงของชาวไทย ซึ่
ง
ใช้
ในโอกาสที่
มี
งานเทศกาล บุ
ญประเพณี
หรื
องานส�
ำคั
ญอื่
นๆ เดิ
มการทอผ้
าแพรวา
นิ
ยมทอใช้
ในครั
วเรื
อนเท่
านั้
น ลั
กษณะของแพรวา เป็
นผ้
าขิ
ดสี
แดงทอลวดลายต่
างๆ
ในผื
นเดี
ยวกั
นสลั
บลายถึ
ง 5 ลายมากกว่า 5 สี
มี
ลายกั้
นกลางระหว่างดอก ช่วง
ดอกเรี
ยกดอกอ้
อมคั่
นลาย จะสลั
บดอกตามขวางไปเรื่
อยจนเกื
อบถึ
งเชิ
งผ้
า จึ
งมี
ลวดลายปลายเชิ
งผ้า
ศิ
ลปะการฟ้อนผู้ไทย จั
งหวั
ดนครพนม ซึ่
ง นงเยาว์ อ�
ำรุ
งพงษ์วั
ฒนา (2541)
ได้
ศึ
กษาศิ
ลปะการฟ้
อนผู้
ไทย พบว่
าชาวผู้
ไทยเรณูนครประกอบอาชี
พท�
ำนาเป็
น
อาชี
พหลั
ก และเป็
นที่
มาของการฟ้
อนผู้
ไทย ซึ่
งสะท้
อนให้
เป็
นชี
วิ
ตความเป็
นอยู่
ของ
ชาวผู้ไทยอย่างชั
ดเจน วั
ฒนธรรมของชาวผู้ไทยถูกหล่อหลอมและถ่ายทอดเป็นสื่
อ
ทางวั
ฒนธรรมอย่างหนึ่
งของกระบวนท่าฟ้อนร�
ำ
นอกจากนี้ ทรัพย์สิน ปกิรณะ (2538) ได้ศึกษานิ
ทานชาวบ้านผู้ไทยที่เป็น
มุ
ขปาฐของชาวผู้ไทยกิ่
งอ�
ำเภอหนองสูง จั
งหวั
ดนครพนม ได้พบว่านิ
ทานสามารถ
จ�ำแนกประเภทตามรูปแบบได้ 8 ประเภท และเมื่อวิเคราะห์เนื้อหาพบว่าในด้าน
ประเพณี
ที่
มี
การเกิ
ด การสู่
ขวั
ญ การลงข่
วง การตายและฮี
ตสิ
บสอง ส่
วนด้
านความ