งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน
49
2.5 พลวัตวัฒนธรรมในการพัฒนา
แนวความคิ
ดวั
ฒนธรรมการพั
ฒนาของกลุ่มชาติ
พั
นธุ์ แสดงให้เห็
นบทบาท
ของวั
ฒนธรรมทางชาติ
พั
นธุ์
ที
มี
ต่
อการพั
ฒนา ซึ่
งวั
ฒนธรรมของแต่
ละกลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ได้
ปรั
บเปลี่
ยนและพั
ฒนา เพื่
อตอบสนองกั
บวิ
ถี
ชี
วิ
ตวั
ฒนธรรมของตนอย่
างเหมาะสม
ดั
งเช่น ไพฑูรย์ มี
กุ
ศล (2545) มี
งานวิ
จั
ย การพั
ฒนาสั
งคมของกลุ่มชาติ
พั
นธุ์ต่างๆ
ในดิ
นแดนชายขอบของสยาม ตั้
งแต่
กรุ
งศรี
อยุ
ธยาตอนปลาย โดยเฉพาะกลุ
่
มเขมร ซึ่
ง
ได้
ปรั
บตั
วและพั
ฒนาทางสั
งคมวั
ฒนธรรมและอั
ตลั
กษณ์
ของชาติ
พั
นธุ
์
จนกลายเป็
น
คนไทยตามกฎหมายตั้
งแต่
รั
ชกาลที่
5 เป็นต้
นมา จึ
งเป็
นการแสดงถึ
งพลั
งความคิ
ด
และภูมิปัญญาของกลุ่มชาติ
พั
นธุ์ที่
สามารถปรั
บตั
วเข้ากั
บสั
งคมไทยได้
เมื่
อกล่
าวถึ
งบทบาทของพระสงฆ์
กั
บการพั
ฒนาชุ
มชนที่
พูดภาษาเขมร
ถิ่
นไทย จะพบจากงานวิ
จั
ยของ บุ
ญเกิ
ด มะพารั
มย์ (2544) โดยศึ
กษาบทบาทของ
หลวงพ่อเม้า อิ
สะสโร แห่งวั
ดป่าเลไลย์ จั
งหวั
ดบุ
รี
รั
มย์ ซึ่
งหลวงพ่อเม้าได้น�
ำหลั
ก
พุ
ทธธรรมภูมิ
ปั
ญญาท้
องถิ่
นมาประยุ
กต์
บูรณาการให้
เป็
นองค์
ความรู้
เป็
นวั
ฒนธรรม
อั
นเป็นบรรทั
ดฐานเพื่
อสร้างความเข้มแข็
งแก่ชุ
มชนและลดปัญหาได้ในระดั
บหนึ่
ง
จากการศึ
กษาของวิ
โรฒ ศรี
สุ
โร (2548) ได้
ให้
ความหมายของวั
ฒนธรรมอี
สาน
หมายถึ
ง การกิ
น การอยู่ การใช้สอย การละเล่น ตลอดไปถึ
งความเชื่
ออั
นรวมถึ
ง
วิ
ถี
ชี
วิ
ตของชาวอี
สานที่
ด�
ำเนิ
นไปเป็นประจ�
ำวั
น วั
ฒนธรรมอี
สานประกอบด้วยกลุ่ม
ชาติ
พั
นธุ์
ที่
หลากหลาย โดยกลุ่
มชนในสายวั
ฒนธรรมไท-ลาว อาทิ
ไทย้
อ ไท-กะเลิ
ง
ไท-โย้ย ไท-ผู้ไทย ไท-ลาว ซึ่
งไท-ลาวเป็นกลุ่มที่
มี
จ�
ำนวนมากที่
สุ
ด และกลุ่มชนใน
สายวั
ฒนธรรมมอญ-เขมร อาทิ
ไท-กูย ไท-เขมร ไท-เยอ ไท-โส้ เป็นต้น ซึ่
งแต่ละ
กลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ต่
างก็
มี
ความเป็
นเอกลั
กษณ์
ของวั
ฒนธรรมที่
แตกต่
างกั
นไป แต่
อยู่
กั
น
อย่างสมานฉั
นท์ ด้วยมี
คติ
ความเชื่
อในทางพุ
ทธศาสนาและการเชื่
อถื
อผี
บรรพบุ
รุ
ษ
เช่
นเดี
ยวกั
นการศึ
กษาของธาดา สุ
ทธิ
ธรรม (2544) ได้
กล่
าวถึ
งรูปแบบ
แผนผั
งชุ
มชนอี
สานสายวั
ฒนธรรมไท โดยได้
ศึ
กษาไท-ลาว ไท-โย้
ย ไท-ย้
อ
ไท-ผู้
ไทย และไท-เลย ได้
พบว่
าแม้
ว่
าจะต่
างชนเผ่
าก็
ตามต่
างมี
ความเชื่
อพื้
นฐานทาง