งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน
41
นครพนม เกี่ยวข้
องกั
บประเพณี
ตรุ
ษแสกหรือภาษาแสกเรียกว่
า กิ๊บแตก ซึ่
งเป็
น
ประเพณี
ที่
จั
ดขึ้
นเพื่
อบวงสรวงโองมู้
เป็
นที่
เคารพนั
บถื
อของชาวแสกมาตั้
งแต่
อดี
ต
จนถึ
งปั
จจุ
บั
น โดยเป็
นเอกลั
กษณ์
ทางวั
ฒนธรรมของชาวไทแสกที่
มี
อิ
ทธิ
พลต่
อ
วิ
ถี
ชี
วิ
ตความเชื่
อในการด�
ำรงชี
วิ
ตในปัจจุ
บั
น
พิ
ธี
กรรมความเชื่
องานศพของชาวผู้
ไทยเรณูนคร อ�
ำเภอเรณูนคร จั
งหวั
ด
นครพนม (ปรางทอง ดี
วงษ์
, 2544) และชาวกะเลิ
ง อ�ำเภอค�
ำชะอี
จั
งหวั
ดมุ
กดาหาร
ซึ่
งได้
มี
การปฏิ
บั
ติ
และความเชื่
อในพิ
ธี
การตายอย่
างเคร่
งครั
ด (สุ
วิ
ทย์
ธี
รศาศวั
ต และ
ณรงค์ อุ
ปัญญ์, 2540)
นอกจากนี้
นารี
รั
ตน์
ปริ
สุ
ทธิ
วุ
ฒิ
พร (2541) ได้
วิ
เคราะห์
ความเชื่
อของชาวจี
น
ในประเทศไทย เป็
นชาวแต้
จิ๋
ว ซึ่
งเป็
นกลุ
่
มใหญ่
ที่
สุ
ด โดยพบว่
า คติ
ความเชื่
อการตาย
มาจากลั
ทธิ
ขงจื้
อ แสดงถึ
งความกตั
ญญูต่
อบิ
ดา มารดา ทั้
งที่
มี
ชี
วิ
ตและเสี
ยชี
วิ
ตไป
แล้ว ส�ำหรั
บเมื่
อตายแล้วก็
จะจั
ดพิ
ธี
ศพ การเซ่นไหว้ดวงวิ
ญญาณ การไว้ทุ
กข์ 3 ปี
(ปัจจุ
บั
นเหลื
อ 100 วัน) ตลอดจนความเชื่
อในการท�
ำฮวงซุ้ย
สมชาย นิ
ลอาธิ
(2542) ได้ศึ
กษาธรรมาสน์เสาเดี
ยวของผู้ไทจากความเชื่
อ
ผี
หลั
กบ้
านเมื
องจนถึ
งธรรมาสน์
ในความเชื่
อพุ
ทธศาสนา แสดงให้
เห็
นความสั
มพั
นธ์
ระหว่
างพุ
ทธศาสนากั
บศาสนาพราหมณ์
ซึ่
งได้
มี
อิ
ทธิ
พลต่
อวิ
ถี
ชี
วิ
ตความเป็
นอยู่
ของ
ชาวผู้ไทเป็นอย่างมาก
เราอาจจะเห็
นได้
ว่
าความเชื่
อเกี่
ยวกั
บผี
บรรพบุ
รุ
ษถื
อเป็
นผลงานวิ
จั
ยทาง
วั
ฒนธรรม ที่
นั
กวิ
จั
ยทางวั
ฒนธรรมได้
เน้
นเรื่
องทางวั
ฒนธรรมของความคิ
ดความ
เชื่
อของชนกลุ่มชาติ
พั
นธุ์ในภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ โดยมี
เนื้
อหาที่
อาจจะสรุ
ปได้
ว่
า ความเชื่
อเกี่
ยวกั
บผี
บรรพบุ
รุ
ษมี
อยู่
เกื
อบทุ
กชนชาติ
พั
นธุ
์
และมี
อิ
ทธิ
พลต่
อวิ
ถี
ชี
วิ
ต
ความเป็นอยู่ ซึ่งได้แสดงออกมาทางพิธีกรรมและประเพณี
ที่หลากหลาย แต่สิ่งที่
เหมือนกั
นก็
คื
อการแสดงความเคารพ ความกตั
ญญูต่อบรรพบุรุ
ษนั่
นเอง ตลอดจน
การมี
ประเพณีพิ
ธี
กรรมที่
มี
ความเชื่
อถื
อ การจั
ดการงานศพอย่างเคารพต่อบุ
คคลที่
ล่
วงลั
บไปแล้
ว ดั
งนั้
นจึ
งแสดงให้
เห็
นว่
า ความหลากหลายทางชาติ
พั
นธุ์
ระบบความ
เชื่
อกั
บวิ
ถี
ชี
วิ
ต วั
ฒนธรรมที่
หลากหลาย และแตกต่างกั
นในแต่ละกลุ่มชาติ
พั
นธุ์