งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน
279
ไหมและการขาย ส่วนค่านิยมเชิงพุทธในด้านภาวนา ค�
ำประเคียน โพธิ์เพชรเล็บ
(2545) ศึ
กษาความเชื่
อและปรั
ชญาการใช้
ผ้
าไหมมั
ดหมี่
ของชาวอ�
ำเภอชนบท
จั
งหวั
ดขอนแก่
น พบว่
าการทอผ้
าไหมมั
ดหมี่
ของชุ
มชนนี้
ยั
งคงรั
กษารูปแบบและ
ลวดลายที่
เป็นเอกลั
กษณ์ ผ้าไหมชนบทแตกต่างจากผ้าไหมที่
อื่
นคื
อ พื้
นผ้าหมี่
แข็
ง
เนื้
อแน่นไม่อ่อนพลิ้
ว นิ
ยมท�
ำลวดลายที่
เกิ
ดจากความเชื่
อทางพุ
ทธศาสนา จากพื
ช
จากสัตว์
จากสิ่งของเครื่องใช้
และจากความคิ
ดสร้
างสรรค์
สมัยก่
อนชาวชนบท
ทอผ้า เพื่
อไว้ใช้ในครอบครั
วผื
นดี
ๆ จะเก็
บรั
กษาเพื่
อเป็นมรดกตกทอดกั
บลูกหลาน
ผู้
ใช้
ผ้
าไหมมั
ดหมี่
จะเลื
อกใช้
ผ้
าที่
สื
บทอดมาจากบรรพบุ
รุ
ษและความเชื่
อส่
วนบุ
คคล
ประที
ป สี
หานาม (2547) ศึ
กษาการด�ำเนิ
นงานของกลุ่มสตรี
ทอผ้าไหมบ้าน
อู่
โลก หมู่
6 ต�
ำบลอู่
โลก อ�
ำเภอล�
ำดวน จั
งหวั
ดสุ
ริ
นทร์
พบว่
าหมู่
บ้
านมี
อายุ
ประมาณ 76 ปี
มี
อาชี
พหลั
กคื
อ การท�
ำนา ส่
วนอาชี
พรองลงมาคื
อ รั
บจ้
างและทอผ้
า
ซึ่
งการทอผ้
านั้
นเป็
นอาชี
พที่
มี
ความส�
ำคั
ญมากต่
อชุ
มชน กลุ
่
มทอผ้
าตั้
งขึ้
นเมื่
อปี
พ.ศ.(2539) มี
สมาชิ
ก 23 คน เส้
นไหมในการผลิ
ตเป็
นเส้
นไหมที่
มาจากอุ
ตสาหกรรม
มี
3 ชนิ
ด คื
อ ไหมจุ
ล ไหมสน และไหมธรรมดา สมาชิ
กสามารถผลิ
ตได้ 30 ผื
น/ปี
นอกจากท�
ำให้เศรษฐกิ
จชุ
มชนมี
ความมั่
นคงสามารถพึ่
งพาตนเองได้แล้ว ทางกลุ่ม
ยั
งให้
ความส�
ำคั
ญในภูมิ
ปั
ญญาที่
ต้
องมี
การรั
กษาให้
ไว้
กั
บชุ
มชนและลูกหลานสื
บ
ต่อไป โดยต้องมีการเปิดการเรียนการสอนการทอผ้าไหมมัดหมี่ให้กับเยาวชนเพื่อ
เป็นการอนุ
รั
กษ์และสร้างงานให้กั
บชุ
มชนอี
กส่วนผ้าในกลุ่มชาติ
พั
นธุ์เขมร เครื
อจิ
ต
ศรี
บุ
ญนาค (2545) ศึ
กษาพั
ฒนารูปแบบผ้าทอมื
อไทย-เขมรสุ
ริ
นทร์ มี
จุ
ดมุ่งหมาย
เพื่
อศึ
กษาบริ
บทชุ
มชนเกี่
ยวกั
บปั
ญหาและแนวทางพั
ฒนารูปแบบผ้
าทอมื
อ
ไทย-เขมรสุรินทร์ โดยการเชื่อมโยงเครือข่ายกับพหุภาคีให้เกิดเครือข่ายการเรียนรู้
พั
ฒนารูปแบบสี
และเทคนิ
คการทอผ้
าไหมที่
ยั
งคงเอกลั
กษณ์
ลวดลายดั้
งเดิ
มโดยเน้
น
การเพิ่
มคุ
ณค่าของผ้าไหมตามความเหมาะสมและความต้องการของตลาด
ยงยุ
ทธ บุ
ราสิ
ทธิ์
(2544) ศึ
กษาเกี่
ยวกั
บการเลี้
ยงไหมอี
สาน พบว่
า การเลี้
ยง
ไหมเป็นอาชีพเก่
าแก่
ของกลุ่
มชาวไทยอีสานที่นิยมเลี้ยงสืบต่
อกันมานานนับพันปี
ผู้หญิ
งอี
สานในสมั
ยก่อนจะต้องเลี้
ยงหม่อนไหมและทอผ้าไหมโดยการสื
บทอดการ