งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน
267
ประกอบการแสดงโดยการใช้วงกันตรึมบรรเลง เพื่อศึกษาวิเคราะห์ในด้านประวัติ
ความเป็นมา การแต่งกาย โอกาสและวิธีการแสดง มาตราเสียง ค�ำร้อง ท�ำนอง
โครงสร้างของท�
ำนองเพลง พบว่าดนตรี
พื้
นบ้านกั
นตรึ
มแต่เดิ
มมี
จุ
ดประสงค์ในการ
บรรเลงเพื่
อความสนุ
กสนานร่
าเริ
งของชาวบ้
านเป็
นท�
ำนองสั้
นๆ ต่
อมาพั
ฒนาให้
เป็
น
รูปแบบมากขึ้
น น�
ำเอาเพลงเก่
าที่
ไพเราะสนุ
กสนานได้
รั
บความนิ
ยมในชุ
มชนทั้
งงาน
มงคลและอวมงคล แต่
เดิ
มไม่
ได้
ค�
ำนึ
งถึ
งการแต่
งกาย ต่
อมาแต่
งตามประเพณี
นิ
ยม
สวยงามขึ้
น เสี
ยงเพลงกั
นตรึ
มเปลี่
ยนไปใกล้
เคี
ยงมาตราเสี
ยงสากลมากขึ้
น สุ
พรรณี
เหลื
อบุ
ญชู (2546) ได้
วิ
จั
ยดนตรี
อี
สานใต้
โดยน�ำเอาบทเพลงพื้
นบ้
านอี
สานใต้
มา
วิ
เคราะห์
ตามหลั
กดุ
ริ
ยางคศิ
ลป์
ด้
านองค์
ประกอบทางดนตรี
ได้
แก่
เพลงอมตูก
เพลงร�
ำเปย เพลงกโนปติ
งตอง และเพลงระบ�ำสุ่ม (อั
นรุ
จ) โดยวิ
เคราะห์ตามหลั
ก
ดุ
ริ
ยางคศิ
ลป์
ด้
านองค์
ประกอบทางด้
าน ดนตรี
ได้
แก่
จั
งหวะ ท�
ำนอง เสี
ยงประสาน
การศึ
กษาการด�ำรงอยู่
ของการแสดงพื้
นบ้
านภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ มี
การศึ
กษาของ สมบั
ติ
ทั
บทิ
มทอง(2544) เกี่
ยวกั
บพั
ฒนาการกั
บปัจจั
ยการเกิ
ดและ
การด�
ำรงอยู่ของคณะกลองยาว อ.วาปีปทุ
ม จ.มหาสารคาม พบว่าคณะกลองยาว
อ�ำเภอวาปี
ปทุมมีพัฒนาการเป็
นสามช่วง ช่วงแรกเป็
นแบบไม่
มีรูปแบบ เกิดจาก
ความสนุ
กสนานร่าเริงของชาวบ้านผสมผสานกับความเชื่อและศรัทธา ช่วงที่สอง
เป็
นแบบดั้
งเดิ
ม ซึ่
งใช้
เครื่
องดนตรี
ประกอบขบวนแห่
งานประเพณี
ส�ำคั
ญของท้
องถิ่
น
เครื่
องดนตรี
ประกอบด้วยกลองยาว ร�
ำมะนาและฉาบ บรรเลงเพลงพื้
นบ้านอี
สาน
ยั
งไม่มี
เครื่
องดนตรี
ที่
ใช้บรรเลงท�
ำนองเพลง ช่วงที่
สามเป็นคณะกลองยาวประยุ
กต์
เพื่
อรั
บจ้
างและแสดงทั่
วไป น�
ำออร์
แกน เบส กลองชุ
ด 3 ใบและพิ
ณเป็
นเครื่
องดนตรี
ประกอบการบรรเลงเพิ่
มขึ้
น การประดิ
ษฐ์
คิ
ดการแสดงใหม่
ๆ ให้
สอดคล้
องกั
บสภาพ
สังคมร่วมสมัยในปัจจุบัน สุภาวดี ส�
ำลีพันธ์ (2540) ศึกษาท่าฟ้อนพื้นบ้านอีสาน
และศึ
กษาวิ
ถี
ชี
วิ
ตที่
ปรากฏในการฟ้
อนพื้
นบ้
านอี
สานของวิ
ทยาลั
ยนาฏศิ
ลป์
ร้
อยเอ็
ด
พบว่
าท่
าฟ้
อนที่
ใช้
ประกอบการแสดงนาฏศิ
ลป์
พื้
นบ้
านมี
ทั้
งหมด 81 ท่
า เป็
นท่
าฟ้
อน
พื้
นบ้
านอี
สาน 68 ท่
า และท่
าร�
ำไทย 13 ท่
า ส่
วนวิ
ถี
ชี
วิ
ตที่
ปรากฏในการฟ้
อน
พื้
นบ้านพบว่ามี
6 ด้าน คื
อ การประกอบอาชี
พด้านลั
กษณะนิ
สั
ย