งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน
199
2) น�ำเอาภูมิปัญญาไทยที่สมาชิ
กในชุมชนได้รั
บการถ่ายทอดจากบรรพชน
มาพั
ฒนากระบวนการผลิ
ตให้
กลายเป็
นสิ
นค้
าที่
มี
คุ
ณภาพส่
งออกสู่
ตลาดสากล จะ
ท�
ำให้ชุ
มชนมี
รายได้เพิ่
มขึ้
นและส่งผลให้มี
คุ
ณภาพชี
วิ
ตดี
ขึ้
นตามมา
3) น�
ำเอาวั
ฒนธรรมซึ่
งเป็นจุ
ดแข็
งของชุ
มชนอี
สานมาปรั
บเปลี่
ยนเป็นสิ
นค้า
ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรมเป็นสินค้าประเภทเดียวที่ไม่มีคู่แข่งเป็นสินค้าที่
ไม่ท�
ำลายทรั
พยากรธรรมชาติ
และเป็นสิ
นค้าที่
ขายไม่มี
วั
นหมด
การศึ
กษาวิ
จั
ยด้
านการเกษตรของภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อในช่
วง 10 ปี
ที่
ผ่
านมา (2535 -2545) มี
จ�ำนวน 18 เรื่
อง เนื้
อหาโดยรวมเป็
นการกล่
าวถึ
ง สภาพวิ
ถี
ชี
วิ
ต คุ
ณภาพชี
วิ
ต ปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาของกลุ่มเกษตรกรภาคตะวั
น
ออกเฉี
ยงเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยท�ำนาเป็นหลักแต่มีพื้นที่ในการ
ถื
อครองน้
อย ผลผลิ
ตที่
ได้
จึ
งไม่
พอเลี้
ยงครอบครั
ว รวมทั้
งผลผลิ
ตก็
ขายได้
ไม่
คุ้
มกั
บ
ราคาต้นทุน ดังนั้
นประชาชนจึงตกอยู่ในภาวะยากจน มีหนี้สินล้นพ้นตัว จนต้อง
ทิ้
งอาชี
พภาคการเกษตรไปขายแรงงานในภาคอุ
ตสาหกรรมและงานบริ
การในที่
สุ
ด
แม้
ว่
ารั
ฐพยายามส่
งเสริ
มความรู้
และจั
ดพั
ฒนาอาชี
พเสริ
มให้
จั
ดหาเมล็
ด
พั
นธุ
์
พื
ชที่
มี
คุ
ณภาพดี
ตลอดจนน�
ำเอาเทคโนโลยี
หรื
อนวั
ตกรรมใหม่
เข้
ามาใช้
เพื่
อ
ทุ
่
นแรงและเพิ่
มผลผลิ
ต ก็
ไม่
ประสบผลส�
ำเร็
จเท่
าที่
ควร ทั้
งนี้
เพราะเกษตรกรยั
ง
ขาดความรู้
ความเข้
าใจในการประกอบอาชี
พใหม่
ประกอบกั
บมี
งบประมาณ
ไม่
เพี
ยงพอในการมาลงทุ
นอาชี
พใหม่
เกษตรกรขาดการรวมกลุ
่
มกั
นจึ
งขาด
อ�
ำนาจในการต่
อรองกั
บกลุ
่
มพ่
อค้
านายทุ
น จากข้
อมูลดั
งกล่
าวเหล่
านี้
ล้
วนแต่
เป็
นอุ
ปสรรคต่
อการพั
ฒนาอาชี
พเกษตรกรรมมาโดยตลอด ดั
งจะเห็
นได้
จาก
ผลงานวิ
จั
ยหลายชิ้
น เช่
น ผลงานวิ
จั
ยของจารุ
วรรณ ธรรมวั
ตร (2543) เรื่
อง
ความสั
มพั
นธ์
ระหว่
างวิ
ถี
ชี
วิ
ตและวิ
ธี
คิ
ดต่
อวิ
ถี
การผลิ
ตแบบพอเพี
ยงของคนอี
สาน
จี
ระ ศรเสนา (2541) การพั
ฒนาอาชี
พเสริ
มของกลุ
่
มเกษตรกรท�ำนาโคกส�
ำราญ
จั
งหวั
ดขอนแก่
น พบว่
าสภาพด้
านการประกอบอาชี
พของกลุ
่
มเกษตรกรยั
ง
ขาดความรู้
ความเข้
าใจในการประกอบอาชี
พ ทุ
นไม่
เพี
ยงพอ ขาดการรวมกลุ
่
ม
ไม่สามารถจ�
ำหน่ายผลผลิตได้ ฤทธิ์ชัย ภูตะวันและคณะ (2546) วิจัยเรื่องชะตา