152
โสวัฒนธรรม
เศรษฐกิจและสังคม กลายมาเป็นระบบเศรษฐกิจเพื่อการค้ามากขึ้น และมีความ
เป็
นอยู่
แบบยุ
่
งยากมากขึ้
น มี
พื้
นที่
ท�
ำการเกษตรลดลง เป็
นผลต่
อเนื่
องในด้
าน
ผลกระทบต่
ออาชี
พของประชาชน และบทความของมณี
มั
ย ทองอยู่
(2547)
เรื่
อง ยุ
ทธศาสตร์
เพื่
อการอยู่
รอดและทุ
นทางสั
งคมของชาวนาอี
สาน ได้
ศึ
กษาถึ
ง
ยุ
ทธศาสตร์
เพื่
อการอยู่
รอดและทุ
นทางสั
งคมของชาวนาอี
สาน พบว่
า การแทรกตั
ว
ของระบบทุ
นนิ
ยมเข้
าสู่
เศรษฐกิ
จชาวนานั้น ท�
ำให้
ชาวนาต้
องเผชิ
ญความเสี่
ยง
เพิ่
มขึ้
น
ดั
งนั้
น ชาวนาอี
สานจึ
งได้
พั
ฒนายุ
ทธศาสตร์
เพื่
อการอยู่
รอดของครั
วเรื
อนขึ้
น
ยุ
ทธศาสตร์
ที่
ส�
ำคั
ญคื
อ การผลิ
ตเพื่
อการบริ
โภคภายในครอบครั
วไปพร้
อมๆ กั
บ
การผลิ
ตเพื่
อการค้
า การแตกกิ
จกรรมทางเศรษฐกิ
จของครั
วเรื
อนออกไปอย่
าง
หลากหลาย ทั้
งนอกไร่นาและนอกภาคการเกษตร โดยเฉพาะการไปท�
ำงานรั
บจ้าง
ต่างถิ่
น การพยายามรั
กษาที่
ดิ
นเพื่
อการเกษตรของครอบครั
วไว้ การรั
กษาบทบาท
ของครอบครัวในฐานะเป็นหน่วยในการจัดสรรแรงงานและทรัพยากรที่หาได้ และ
หนั
งสื
อของมณี
มั
ย ทองอยู่
(2546)
เรื่
อง
การเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจชาวนา
อีสาน
ได้
อธิ
บายถึ
งกระบวนการเปลี่
ยนแปลงเศรษฐกิ
จของชาวนาในภาคตะวั
นออก
เฉี
ยงเหนือของไทย การปรับตัวของชาวนาในชุมชนและครัวเรือนต่อทุนนิยม และ
ประเมิ
นถึ
งผลกระทบของการปรั
บตั
ว พบว่
า การเปลี่
ยนแปลงของชาวนามี
รูปแบบที่
แตกต่างกั
น 3 แบบ คื
อ ชาวนาส่วนหนึ่
งสามารถพั
ฒนากิ
จการลงทุ
นเพื่
อผลก�
ำไร
เป็
นผู้
ประกอบการได้
อี
กส่
วนก่
อตั
วขึ้
นในเขตชลประทานพั
ฒนาในการเกษตร และ
แบบที่
ผลิ
ตและมี
รายได้ไม่เพี
ยงพอต่อการด�
ำรงชี
พ แต่มี
ลั
กษณะร่วมที่
ส�
ำคั
ญ เช่น
ยังคงอยู่
ของการผลิตข้
าว และพยายามรั
กษาที่ดิ
นเพื่
อการเกษตรไว้
การแตกตั
ว
ของกิ
จกรรมเศรษฐกิ
จจากการเกษตรไปสู่
การรั
บจ้
างนอกภาคเกษตร มี
การโยกย้
าย
แรงงานบางส่
วนไปรั
บจ้
างต่
างถิ่
น ทั้
งนี้
การพั
ฒนาแบบทุ
นนิ
ยมโดยการชั
กน�
ำของรั
ฐ
ในภาคอี
สาน ก่อให้เกิ
ดการแตกตั
วและแตกขั้
วในชนบทเชื่
องช้ามาก
ส่วนบทความของประนุ
ช ทรัพยาสารและประทวน บุญปรก (2544) เรื่อง