Previous Page  122 / 318 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 122 / 318 Next Page
Page Background

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน

121

ป่าไม้เริ่มลดลง ชาวบ้านก็เริ่มประสบภัยแล้งหากินหาอยู่อย่างล�ำบาก จึงเกิดการ

อพยพแรงงานไปต่

างบ้

าน ต่

างภูมิ

ภาคต่

างๆ ท�

ำให้

ชาวบ้

านสั่

งสมประสบการณ์

ความรู้

ความสามารถน�

ำมาปรั

บเปลี่

ยนวิ

ถี

ชี

วิ

ตเดิ

ม แก้

ปั

ญหาต่

างๆ ที่

เผชิ

ญอยู่

หนั

งประโมทั

ยหรื

อหนั

งตะลุ

งอี

สานเป็

นหนทางหนึ่

งเลื

อกเป็

นหนทางประทั

งชี

วิ

และถื

อเป็นศิลปะการแสดงที่

เกิ

ดจากชาวนาอี

สาน กล่าวคื

อ การน�

ำเอาหมอล�

ำกั

หนังตะลุ

งมาผสมผสานกั

นโดยเอารูปหนังมาเชิ

ดแทนตั

วคนนั่นเองและเกิ

ดการ

ตระเวนแลกพริ

กแลกข้าวเพื่

อความอยู่รอดด้วย

อาจกล่

าวได้

ว่

างานวิ

จั

ยทางด้

านวั

ฒนธรรมในภาคตะวั

นออกเฉียงเหนื

นั้

น ในส่

วนของประเด็

นการศึ

กษาพลั

งความคิ

ดและอุ

ดมการณ์

พบว่

า ส่

วนใหญ่

ยังเป็นงานวิจัยที่เน้นค้นหาองค์ความรู้ในเรื่องของวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย

ของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ ท�ำให้ทราบถึงระบบคิดของคนอีสานและพบถึงพลังและ

อุดมการณ์ของคนอีสานผ่านวัฒนธรรมที่แสดงออก อาทิ งานประเพณี

ที่สืบทอด

กั

นมา การรั

กษาโรคโดยใช้

สมุ

นไพรพื้

นบ้

านหรื

อพิ

ธี

กรรมต่

างๆ เช่

นงานของชอบ

ดี

สวนโคก (2544) เรื่

อง “แม่ญิ

ง” หมอล�

ำทรง/หมอล�

ำผี

ฟ้า : มิ

ติ

การรั

กษาพยาบาล

ที่

กล่าวว่า ชาวอี

สานมี

ความเชื่

อผูกพั

นอยู่กั

บวิ

ญญาณที่

มีอ�

ำนาจลึ

กลั

บที่

เรี

ยกว่าผี

มาช้

านาน วิ

ถี

ชี

วิ

ตเข้

าไปโยงใยอยู่

กั

บเรื่

องนี้

ตั้

งแต่

เกิ

ดจนตาย จนท�

ำให้

ก�

ำหนดได้

ว่

ผีมีถิ่นที่อยู่ มีภาระหน้าที่ มีบุคลิกต่างกันออกไป ดังนั้

น ชาวอีสานจึงใช้เรื่องของ

ความเชื่

อมาใช้

ในการรั

กษา ซึ่

งอาจจะใช้

ได้

ดี

ในแง่

ของการบ�ำบั

ดทางจิ

ตที่

เห็

นได้

เด่

นชั

ด ถึ

งแม้

ว่

าในทางการแพทย์

แผนปั

จจุ

บั

นจะไม่

สามารถยอมรั

บได้

หรื

ไม่

สามารถพิ

สูจน์

ได้

เบ็

ดเสร็

จว่

าสามารถรั

กษาได้

จริ

งหรื

อไม่

แต่

ในทางของสั

งคมและ

วั

ฒนธรรมของคนในชุ

มชนแล้

วนั้

น การรั

กษาด้

วยความเชื่

อในเรื่

องเหนื

อธรรมชาติ

นั้

อย่างน้อยๆ ก็

สามารถช่วยบ�

ำบั

ดทางด้านจิ

ตใจของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี

เมื่

อท�

ำความเข้

าใจในเรื่

องของงานวิ

จั

ยวั

ฒนธรรมของภาคตะวั

นออก

เฉี

ยงเหนื

อแล้

วนั้

น พบว่

า ไปสอดคล้

องกั

บแนวความคิ

ดของนั

กคิ

ดใน

สายสั

งคมศาสตร์และวั

ฒนธรรมอย่าง ยศ สั

นตสมบั

ติ

(2537:-34-35)

ที่

กล่าวไว้ว่า

แนวคิ

ดนิ

เวศน์

วิ

ทยาวั

ฒนธรรมมองสั

งคมในลั

กษณะเป็

นพลวั

ตหรื

อเปลี่

ยนแปลง