Previous Page  167 / 238 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 167 / 238 Next Page
Page Background

166

ถกเถียงวัฒนธรรม

ชาติ

พั

นธุ์

เช่

น ระบบเศรษฐกิ

จ ความสั

มพั

นธ์

ทางสั

งคม ความเชื่

อพิ

ธี

กรรม ประเพณี

และการละเล่

น โดยเน้

นการพรรณนาข้

อมูลที่

ค้

นพบเป็

นส่

วนๆ ซึ่

งสะท้

อนให้

เห็

ว่

าในการตั้

งโจทย์

ไม่

ได้

เชื่

อมโยงประเด็

นให้

ชั

ดเจน จึ

งเก็

บข้

อมูลและวิ

เคราะห์

มา

เป็

นส่

วนๆ เพราะขาดแนวคิ

ดที่

ใช้

ในการตั้

งโจทย์

เก็

บข้

อมูล และวิ

เคราะห์

และแม้

ว่

ในงานนั้

นๆ จะมี

การยกแนวคิ

ดมาไว้

เป็

นจ�

ำนวนมาก แต่

ไม่

สั

มพั

นธ์

กั

บโจทย์

อ่

านแล้

ก็

คงได้

แต่

ถามว่

า “แล้

วอย่

างไรต่

อไป” เพราะไม่

ได้

กระตุ้

นให้

คิ

ดและตั้

งค�

ำถามต่

อไป

ท�

ำให้

รายละเอี

ยดที่

ได้

พรรณนาไว้

มี

คุ

ณค่

าต่

อการวิ

จั

ยน้

อย เพราะไม่

รู้

ว่

ารายละเอี

ยด

ดั

งกล่าวมี

ความหมายอะไรบ้าง มี

ข้อสรุ

ปและหลั

กฐานที่

ถูกต้องหรื

อไม่

การตั้งโจทย์ที่เชื่อมโยงมิติต่างๆ ของวิถีชีวิตหรือวัฒนธรรม จะมีส่วนช่วย

ให้เข้าใจความหมายของปรากฎการณ์ที่ศึกษาได้ชัดเจนขึ้น และก่อให้เกิดค�

ำถาม

การวิจั

ยต่อๆ ไป งานตั

วอย่างที่

จะแสดงให้เห็

นในประเด็

นนี้

มี

3 งาน ซึ่

งมี

จุ

ดเน้น

ที่

แตกต่

างกั

น คื

อ ในสองงานแรกเป็

นการมองวิ

ถี

ชี

วิ

ตชุ

มชนผ่

านความสั

มพั

นธ์

ระหว่

างความเชื่

อ พิ

ธี

กรรม และการจั

ดระเบี

ยบสั

งคม โดยที่

ทั้

งสองงานได้

ใช้

แนวคิ

โครงสร้าง – การหน้าที่เป็นกรอบในการตั้งโจทย์ เก็บข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูล

ส่วนอีกงานหนึ่

งมองวิถีชีวิตชุมชนผ่านความสัมพันธ์ระหว่างการจัดระเบียบสังคม

และกิ

จกรรมทางเศรษฐกิ

ในงาน “การศึ

กษาโครงสร้

างสั

งคมของ “ลาวโซ่

ง” ของมยุ

รี

วั

ดแก้

(2521)

13

ผู้

วิ

จั

ยระบุ

ว่

า ได้

ใช้

แนวคิ

ดโครงสร้

าง – การหน้

าที่

ของ Durkheim

และ Malinowski เป็

นหลั

กในการพิ

จารณาความสั

มพั

นธ์

ระหว่

างพิ

ธี

กรรม และ

โครงสร้างสังคม ซึ่งที่จริงหากจะช่วยท�ำให้ประเด็นชัดเจนขึ้น หัวข้อหรือโจทย์วิจัย

น่

าจะเป็

น “การศึ

กษาโครงสร้

างสั

งคมลาวโซ่

งผ่

านพิ

ธี

กรรม” เพราะเน้

นการวิ

เคราะห์

พิ

ธี

กรรมมากกว่

า อย่

างไรก็

ตาม ผู้

วิ

จั

ยได้

ให้

ข้

อมูลเกี่

ยวกั

บ “พิ

ธี

เสนเรื

อน” ทั้

งในแง่

ความหมาย กระบวนการในการประกอบพิ

ธี

กรรม และผู้

ร่

วมพิ

ธี

กรรมอย่

างละเอี

ยด

โดยผู้

วิ

จั

ยเน้

นความเป็

นเอกภาพของพิ

ธี

เสนเรื

อน มากกว่

าความแตกต่

างของ

พิ

ธี

เสนเรื

อน ซึ่

ง “หมอเสน” (ผู้ประกอบพิ

ธี

) มี

ต�

ำราที่

ไม่เหมื

อนกั

น นอกจากนี้

ได้

13 งานนี้

จะเก่ากว่างานอื่

นๆ ในฐานข้อมูล ซึ่

งอยู่ระหว่าง พ.ศ.2530 – 2548 แต่จ�

ำเป็นที่

น�

ำมาใช้เป็นตั

วอย่าง