งานวิจัยวัฒนธรรมภาคกลาง
105
ที่
อยู่
นอกอาณาจั
กรแห่
งอารยธรรม ทั้
งที่
การใช้
ของนักมานุ
ษยวิ
ทยาส่
วนใหญ่
ไม่ได้มี
ความหมายในทางดูถูกก็
ตาม (Sahlin 1968) ส่วนค�
ำว่า “ethnic group” หรื
อ
กลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
จะมี
ความหมายที่
เป็
นกลางมากกว่
า เพราะไม่
ได้
บ่
งบอกประเภท
หรื
อระดั
บคุ
ณลั
กษณะทางวั
ฒนธรรมที่
เหนื
อกว่
าหรื
อต�่ำกว่
า เพี
ยงแต่
บ่
งบอกว่
าเป็
น
กลุ
่
มชนที่
มี
ความแตกต่
างทางวั
ฒนธรรมจากกลุ
่
มอื่
นๆ แต่
ในการใช้
ค�
ำนี้
ในช่
วงแรกๆ
ในการจ�
ำแนกกลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
จะอาศั
ยเกณฑ์
ที่
คนนอกกลุ
่
ม โดยเฉพาะ
นักมานุ
ษยวิ
ทยาหรื
อนั
กภาษาศาสตร์
เป็
นผู้
ก�
ำหนดอย่
างเช่
น ความสนใจของ
Lebar, Hickey and Musgrave (1960) ที่
จ�
ำแนกกลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
ในเอเชี
ยตะวั
นออกเฉี
ยงใต้
โดยอาศั
ยเกณฑ์
ความแตกต่
างและความสั
มพั
นธ์
ทางภาษาในงาน
“Ethnic Groups
of Mainland Southeast Asia”
เป็นต้น
อย่
างไรก็
ตามในช่
วงเวลาหลั
ง พ.ศ.2500 เป็
นต้
นไป แนวคิ
ดการจ�
ำแนก
กลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
โดยอาศั
ยเกณฑ์
เชิ
งวั
ตถุ
วิ
สั
ยดั
งกล่
าวก็
ถูกวิ
พากษ์
วิ
จารณ์
โดย
นั
กมานุษยวิทยาที่ท�
ำงานในภูมิภาคต่
างๆ โดยเฉพาะอย่
างยิ่งในเอเชียตะวันออก
เฉี
ยงใต้
อย่
างเช่
น Leach (1964) ซึ่
งศึ
กษากะฉิ่
นในพม่
า ได้
ตั้
งข้
อสั
งเกตว่
าพวกกะฉิ่
น
(Kachin) มี
หลายกลุ
่
มหลายภาษา และในหลายกรณี
พูดกั
นเองไม่
ค่
อยรู้
เรื่
อง
แต่
ก็
ยั
งคิ
ดว่
าเป็
นกะฉิ่
นด้
วยกั
น หรื
อ Moerman (1967) ซึ่
งศึ
กษาลื้
อในทางภาคเหนื
อ
ของประเทศไทยได้
เสนอว่
าการจ�
ำแนก “กลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
” ควรค�
ำนึ
งถึ
งจิ
ตส�
ำนึ
ก
ของสมาชิกชาติพันธุ์ด้วยว่าเขาคิดว่าเขาเป็นใคร เพราะเขาสังเกตว่าแม้ว่า “ลื้อ”
จะมีลักษณะทางวัฒนธรรมแทบไม่แตกต่
างจากคนเมืองหรือไตยวน (คนไทยทาง
ภาคเหนื
อ) ไม่
ว่
าจะเป็
นแบบแผนการผลิ
ต ความเชื่
อ ภาษา และการแต่
งกาย
แต่
ยั
งให้
ความส�
ำคั
ญกั
บความแตกต่
างทางวั
ฒนธรรมที่
มี
เพี
ยงเล็
กน้
อย แต่
มากพอจะ
ท�
ำให้
“ลื้
อ” อาศั
ยเป็
นเกณฑ์
แยกตั
วเองจาก “คนเมื
อง” นอกจากนี้
เขายั
งตั้
งข้
อสั
งเกต
ด้วยว่าประวัติศาสตร์ยังมีความหมายต่อชื่อเรียกและความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ด้วย
ที่
จริ
งข้
อวิ
พากษ์
วิ
จารณ์
ในเรื่
องการนิ
ยามความเป็
นกลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
ด้
วยเกณฑ์
เชิ
ง
วั
ตถุ
วิ
สั
ยโดยนั
กมานุ
ษยวิ
ทยายั
งมี
อี
กมาก แต่
เป็
นในแนวทางที่
ใกล้
เคี
ยงกั
นดั
งที่
Levine และ Campbell (1972) ได้ตั้
งข้อสั
งเกตไว้ว่า นั
กมานุ
ษยวิ
ทยาสมั
ยนั้
นสนใจ