งานวิจัยวัฒนธรรมภาคเหนือ
243
West Thailand AD 1200-1650” ซึ่งน�
ำเสนอข้อมูลทางโบราณคดีในภาคตะวันตก
เฉียงเหนื
อของไทยที่
ได้
พบร่
องรอยวั
ดโบราณจ�
ำนวนมากในพื้
นที่
ภูเขาที่
สะท้
อน
ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนในพื้นราบและพื้นที่ภูเขาในอดีตในช่วงระหว่าง
ปี พ.ศ. 1743 – 2193
การศึ
กษาความคิ
ดทางพุ
ทธศาสนาที่
น่
าสนใจในอี
กมิ
ติ
หนึ่
งจะเห็
นได้
จาก
บทความวิ
จั
ยของ Donald K. Swearer (1995) เรื่
อง “Hypostasizing the Buddha:
Buddha Image Consecration in Northern Thailand” โดยผู้
เขี
ยนได้
พยายามวิ
เคราะห์
ให้
เห็
นว่
า พิ
ธี
กรรมในการสั
กการะพระพุ
ทธรูปนั้
น มี
นั
ยเสมื
อนหนึ่
งพระพุ
ทธเจ้
า
ยั
งทรงด�
ำรงพระชนม์
อยู่
ซึ่
งสะท้
อนโลกทั
ศน์
ของชาวพุ
ทธในภาคเหนื
อของไทย
ที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันและโลกนี้
กับโลกหน้า ความเข้าใจดังกล่าวยังพบได้ใน
พิ
ธี
เลี้
ยงผี
ปู่
แสะย่
าแสะจากการศึ
กษาของอานั
นท์
กาญจนพั
นธุ์
(2555) ที่
อธิ
บายว่
า
การน�
ำเอาพระบฎมาแขวนไว้
ในพื้
นที่
พิ
ธี
กรรม ก็
เพื่
อแสดงว่
าพระพุ
ทธเจ้
ายั
งมี
พระชนม์
ชี
พอยู่
เพราะพระบฎจะเคลื่
อนไหว ซึ่
งแสดงถึ
งอ�ำนาจศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ของ
พุ
ทธศาสนา ที่
เข้ามามี
อิ
ทธิ
พลเหนื
อความเชื่
อในท้องถิ่
น
ส่
วนบทความของ Bowie, Katherine A. (1998) เรื่
อง “The Alchemy of Charity:
Of Class and Buddhism in Northern Thailand” ได้วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจว่า
ในชุ
มชนชนบทในภาคเหนื
อที่
มี
ช่
องว่
างและความแตกต่
างทางเศรษฐกิ
จระหว่
าง
ครั
วเรื
อนที่
ร�่
ำรวยและยากจนกว้
างมาก ซึ่
งอาจน�
ำไปสู่
ความขั
ดแย้
ง คติ
เรื่
อง
การท�ำบุญท�ำทานในพุทธศาสนาอาจจะถูกน�
ำมาใช้ในการต่อรองระหว่างกลุ่มคน
ดั
งกล่าว เพื่
อให้ด�
ำรงอยู่ร่วมกั
นได้
อย่
างไรก็
ตาม ในระยะหลั
งงานศึ
กษาพลั
งความคิ
ดทางศาสนาจะหั
นมา
สนใจความเชื่
อนอกพุทธศาสนา โดยเฉพาะที่
เกี่
ยวกั
บการนั
บถื
อผี
มากขึ้
น อาทิ
เช่น
งานของ Michael R. Rhum (1994) ที่
พบว่
าความเชื่
อเรื่
องผี
อารั
กษ์
โดยเฉพาะผี
เมื
อง
ยังคงเป็นพลังส�
ำคัญของคนท้องถิ่นในเมืองเชียงใหม่ ในการช่วงชิงพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
เพื่
อการเข้
าไปมี
ส่
วนร่
วมก�
ำหนดทิ
ศทางการพั
ฒนาเมื
องเชี
ยงใหม่
ด้
วยการวิ
เคราะห์
ให้
เห็
นว่
า พิ
ธี
ไหว้
ผี
ปู่
แสะย่
าแสะของเมื
องเชี
ยงใหม่
แสดงถึ
งความเป็
นเมื
องของ