242
กำ�กึ๊ดกำ�ปาก
ในช่
วงทศวรรษเดี
ยวกั
นนั้
น Nicola Tannenbaum ก็
เป็
นอี
กผู้
หนึ่
งที่
สนใจศึ
กษา
เกี่
ยวกั
บความเชื่
อของชาวไทยใหญ่
ซึ่
งได้
น�
ำเสนอบทความชื่
อ “Tattoos: Invulnerability
and Power in Shan Cosmology” ในปี
1987 ผู้
เขี
ยนได้
วิ
เคราะห์
ธรรมเนี
ยม
การสั
กร่
างกายว่
าเกี่
ยวข้
องกั
บการปฏิ
บั
ติ
ตนตามแนวทางของศาสนาพุ
ทธและ
ความเชื่อตามประเพณี
ด้วยข้อมูลจากการศึกษาชาวไทยใหญ่ที่นับถือศาสนาพุทธ
ทั้
งในรั
ฐฉาน ประเทศพม่า ประเทศจี
นตอนใต้ และในจั
งหวั
ดแม่ฮ่องสอน
ต่อมาในปี 1988 Tannenbaum ได้น�ำเสนอบทความเรื่
อง “Shan Calendrical
Systems: The Everyday Use of Esoteric Knowledge” ด้วยการศึ
กษาระบบปฏิ
ทิ
น
ของชาวไทยใหญ่
ที่
เชื่
อมโยงกั
บศาสนาพุ
ทธและการที่
บุ
คคลพั
ฒนาตนขึ้
นมาเป็
น
ผู้
รู้
การนั
บรอบปฏิ
ทิ
นจนกลายเป็
นพลั
งทางวั
ฒนธรรม ที่
สามารถให้
ค�
ำปรึ
กษา
แก่
คนอื่
นๆ ได้
หลั
งจากนั้
น Tannenbaum ได้
หั
นมาศึ
กษาค�
ำสวดของพระสงฆ์
เกี่
ยวกั
บการปล่อยวาง การท�
ำบุ
ญและผลแห่งบุ
ญ โดยร่วมเขี
ยนกั
บ Durrenberger
ในบทความเรื่
อง “Control, Change, and Suffering: The Messages of Shan Buddhist
Sermons” (Tannenbaum and Durrenberger 1989) เพื่
ออธิ
บายการเข้าถึ
งศาสนาใน
บริ
บทของชาวพุ
ทธไทยใหญ่
โดยชี้
ให้
เห็
นว่
า ค�ำสวดเหล่
านั้นเป็
นอุ
ดมการณ์
ที่
เชื่
อมโยงไปถึ
งมิ
ติ
ทางการปกครองและเศรษฐกิ
จของสั
งคมชาวพุ
ทธเอง ความสนใจ
ศึ
กษาบทสวดต่
างๆ ในพุ
ทธศาสนายั
งมี
การศึ
กษาตามมาอี
กอย่
างต่
อเนื่
อง ดั
งปรากฏ
ในวิ
ทยานิ
พนธ์ของ Justin Thomas McDaniel (2003) และ Daniel Marc Veidlinger
(2002) ซึ่
งสนใจการถ่ายทอดพระธรรมค�
ำสอนผ่านคั
มภี
ร์ภาษาบาลี
นอกจากนั้
น Tannenbaum ยั
งได้
สนใจบทบาทของหมอผี
ทรงในสั
งคมไทยใหญ่
ในภาคเหนื
อ ดั
งจะเห็
นได้จากบทความเรื่
อง “Witches, Fortune, and Misfortune
among the Shan of Northwestern Thailand” (Tannenbaum 1993) โดยอธิ
บายว่า
บทบาทดั
งกล่าวนั้
นมี
ส่วนเกี่
ยวข้องกั
บโลกทั
ศน์ของชาวพุ
ทธไทยใหญ่เอง
ในช่
วงคริ
สตทศวรรษที่
1990 ยั
งมี
ผู้
สนใจศึ
กษาเกี่
ยวกั
บพลั
งความคิ
ด
ทางศาสนาอย่างต่อเนื่
อง เช่น งานเขี
ยนของ Peter Grave (1995) ในบทความเรื่
อง
“Beyond the Mandala: Buddhist Landscapes and Upland-Lowland Interaction in North-