Previous Page  24 / 272 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 24 / 272 Next Page
Page Background

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคเหนือ

23

ทางมานุ

ษยวิทยาควรกระท�

ำโดย “คนนอก” หรื

อ “คนใน” เพราะยั

งเป็นประเด็

ที่หาข้อยุติไม่ได้ แม้ในระยะสิบปีที่ผ่านมา คนในกลุ่มชาติพันธุ์หรือในพื้นที่ศึกษา

จะได้เป็นผู้ศึกษาวิจัยเองมากขึ้น ในด้านหนึ่

งอาจช่วยให้ง่ายต่อการศึกษา ในอีก

ด้

านหนึ่

งพวกเขาก็

อาจจะไม่

ต่

างจากคนนอก เมื่

อได้

รั

บการศึ

กษาสูงขึ้

นจากภายนอก

สั

งคมของตนเอง เพราะนั

กมานุ

ษยวิ

ทยาที่

ศึ

กษาชุ

มชนชาติ

พั

นธุ์ของตนเอง ก็

อาจ

จะไม่ต่างจากนั

กมานุษยวิทยาที่ไปศึกษาสังคมคนอื่น ในแง่ที่มีอัตลักษณ์ซ้อนอยู่

ในตั

วเอง

ในบทถั

ดมาเป็

นข้

อเขี

ยนของ อานั

นท์

กาญจนพั

นธุ์

ซึ่

งศึ

กษาเฉพาะประเด็

วั

ฒนธรรมกั

บการพั

ฒนา แต่

ก็

ได้

ช่

วยสานต่

อแนวความคิ

ดที่

มองวั

ฒนธรรมใน

มิ

ติ

ของความสั

มพั

นธ์

เชิ

งอ�ำนาจ จากแนวความคิ

ดเรื่

องวาทกรรมและอั

ตลั

กษณ์

ใน 2 บทความแรก ขณะที่

เลื

อกแนวความคิ

ดเรื่

องพื้

นที่

วั

ฒนธรรม ในฐานะที่

เป็น

พื้

นที่

ของการช่

วงชิ

งความหมายและปรั

บเปลี่

ยนความสั

มพั

นธ์

เชิ

งอ�

ำนาจมาเน้

เป็

นแนวความคิ

ดหลั

ก เพื่

อเชื่

อมร้

อยศิ

ลปวั

ฒนธรรมในฐานะของพื้

นที่

ของภาพแทน

ความจริ

งในบทความแรกของอภิ

ญญา และการเมื

องของอั

ตลั

กษณ์

ทางชาติ

พั

นธุ

ใน

บทความของขวัญชีวันเข้ากับการศึกษาการเมืองของการพัฒนา เพราะมีประเด็น

ด้

านเนื้

อหาที่

ซ้

อนทั

บกั

นอยู่

บ้

าง แต่

ก็

สามารถแสดงความเชื่

อมโยงได้

ด้

วยการน�

ำแนว

ความคิดเรื่

องพื้

นที่

มาช่วย ทั้

งนี้

หลั

งทศวรรษที่

2540 เป็นต้นมา พื้

นที่

ได้กลายเป็น

แนวความคิดหลั

กในการวิ

จั

ยด้านวั

ฒนธรรมกั

บการพั

ฒนามากขึ้

นในภาคเหนื

ผู้

เขี

ยนบทความเริ่

มต้

นด้

วยการท�

ำความเข้

าใจแนวความคิ

ดเรื่

องพื้

นที่

วัฒนธรรม เพื่อต่อยอดเพิ่มเติมจากการมองวัฒนธรรมที่เคยจ�ำกัดอยู่เฉพาะในเชิง

คุ

ณค่า และเสนอให้หั

นมามองมิ

ติ

ที่

สร้างสรรค์ของวั

ฒนธรรมมากขึ้

น พร้อมๆ กั

การหั

นไปให้

ความสนใจกั

บวั

ฒนธรรมในเชิ

งความสั

มพั

นธ์

เชื่

อมโยงกั

นของความคิ

ว่

าด้

วยอ�

ำนาจ และ อั

ตลั

กษณ์

จากการนิ

ยามพื้

นที่

วั

ฒนธรรมในเชิ

งวิ

เคราะห์

ว่

าเป็

“สนามของความสั

มพั

นธ์เชิ

งอ�

ำนาจ” ในกระบวนการผลิ

ตสร้างความแตกต่างทาง

วัฒนธรรม ด้านหนึ่

งพื้นที่วัฒนธรรมจึงมีสถานะเสมือนเป็นการเมืองของการสร้าง

ความเป็นอื่น ในด้านหนึ่

งจึงมีลักษณะเป็นการจินตนาการและบังคับควบคุมภาพ