22
กำ�กึ๊ดกำ�ปาก
ในการต่
อสู้
เพื่
อช่
วงชิ
งทรั
พยากรป่
า เพราะความจริ
งนั้
นคนกะเหรี่
ยงได้
ท�
ำการเกษตร
แบบถาวร เพื่
อปลูกพื
ชเศรษฐกิ
จและค้
าขายมานานแล้
ว ขณะที่
นั
กวิ
ชาการอี
กส่
วน
หนึ่
งก็
เสนอให้
มองว่
า วาทกรรมนั้
นเป็
นกลยุ
ทธ์
ในการแก้
ไขปั
ญหาและการสร้
าง
อั
ตลั
กษณ์
ที่
เกี่
ยวข้
องกั
บชี
วิ
ตในหลายๆ ด้
านมากกว่
าด้
านการเกษตรเท่
านั้
น
ซึ่งอาจมีทั้งการสร้างอัตลักษณ์เชิงบวกและยืดหยุ่น ในความพยายามต่อรองและ
ต่
อต้
านการถูกกั
กขั
งอยู่
ในภาพลั
กษณ์
ที่
ตายตั
ว และอาจจะย้
อนแย้
งกั
นเอง หรื
อไม่
ได้เคลื่
อนไหวไปในทิ
ศทางเดี
ยวกั
นเสมอไป
ในระยะหลั
งๆ การศึ
กษาการสร้
างอั
ตลั
กษณ์
ทางชาติ
พั
นธุ
์
ยั
งพยายาม
เชื่
อมโยงกั
บประเด็
นของการสร้
างกลุ
่
มศาสนาใหม่
ในลั
กษณะของขบวนการ
เคลื่
อนไหวแบบพระศรี
อาริ
ย์
เพื่
อแยกแยะกลุ
่
มของตนออกจากศาสนาหลั
ก
ด้
วยการสร้
างอั
ตลั
กษณ์
ที่
แตกต่
างออกไปจากกลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
อื่
น และจากกลุ
่
ม
ชาติ
พั
นธุ์เดี
ยวกั
นที่
นั
บถื
อศาสนาอื่
น
ส่
วนท้
ายของบทความผู้
เขี
ยนยั
งได้
สั
งเคราะห์
เพิ่
มเติ
ม เพื่
อชี้
ให้
เห็
นถึ
งทิ
ศทาง
ของการเปลี่
ยนแปลงแนวความคิ
ดและวิ
ธี
วิ
ทยาในการวิ
จั
ยด้
านชาติ
พั
นธุ
์
ในช่
วงสิ
บปี
ที่
ผ่
านมา ซึ่
งก�
ำลั
งโน้
มเอี
ยงมาเน้
นแนวคิ
ดเรื่
องอั
ตลั
กษณ์
ชาติ
พั
นธุ
์
ที่
แตกต่
างไปจาก
ความเข้
าใจแบบสารั
ตถะนิ
ยมที่
ใช้
กั
นมาก่
อนหน้
านี้
ที่
มองอั
ตลั
กษณ์
ชาติ
พั
นธุ์
อย่
าง
ตายตั
ว ด้วยการหั
นมามองว่าอั
ตลั
กษณ์ทางชาติ
พั
นธุ์เคลื่
อนไหวและเปลี่
ยนแปลง
ได้ อีกทั้งยังมีลักษณะพหุลักษณ์ ผสมผสาน สามารถปรับข้ามท้องถิ่น และเป็น
อั
ตลั
กษณ์
ที่
ช่
วงชิ
ง ในสถานการณ์
ที่
มี
การเปลี่
ยนแปลงสภาพทางเศรษฐกิ
จและ
สั
งคมอย่างรวดเร็
วอี
กด้วย
ในด้
านวิ
ธี
วิ
ทยาผู้
เขี
ยนบทความก็
ยั
งได้
ตั้
งข้
อสั
งเกตอี
กด้
วยว่
า แนวโน้
มของ
การศึกษาวิจัยก�ำลังเปลี่ยนจากแนวทางแบบชาติพันธุ์วิทยาที่เน้นการศึกษาชุมชน
เดี
ยว พื้
นที่
เดี
ยว หรื
อกลุ่มชาติ
พั
นธุ์เดี
ยวอย่างลึ
กซึ้
ง มาสู่การศึ
กษาความสั
มพั
นธ์
ระหว่างกลุ่ม หรือความสัมพันธ์กับรัฐและกลุ่มอ�ำนาจภายนอก พร้อมทั้งถกเถียง
เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างกับผู้ปฏิบัติการในลักษณะต่างๆ มากขึ้น
ท้ายที่สุดผู้เขียนบทความก็ชักชวนให้อภิปรายต่อไปอีกในประเด็นที่ว่า การศึกษา