Previous Page  216 / 272 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 216 / 272 Next Page
Page Background

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคเหนือ

215

ซ้

อนทั

บกั

นอยู่

ด้

วยการช่

วงชิ

งการนิ

ยามตั

วตนอย่

างลื่

นไหล ผ่

านการสลั

บพื้

นที่

ชี

วิ

ไปมาระหว่

างพื้

นที่

บ้

าน พื้

นที่

ชุ

มชนและพื้

นที่

โรงงาน ซึ่

งช่

วยให้

พวกเธอสามารถ

นิยามตัวตนว่าเป็นแรงงานมืออาชีพ หรือ ผู้ประกอบการฝึกหัด ซึ่งก�ำลังแสวงหา

ความรู้

เพื่

อไม่

ให้

ถูกมองเป็

นเพี

ยงแรงงานนอกระบบ ที่

ด้

อยโอกาสและไร้

ฝี

มื

อเท่

านั้

กรณี

ศึ

กษาคนงานหญิ

งผลิ

ตผ้

าฝ้

ายทอมื

อในจั

งหวั

ดล�

ำพูนนี้

จึ

งเป็

นอี

กตั

วอย่

างหนึ่

ของการเมืองของอัตลักษณ์ ในการช่วงชิงพื้นที่ของสังคมสมัยใหม่ ตามที่คนงาน

นอกระบบต้องการก�

ำหนดชี

วิ

ตตั

วเองให้ได้มากขึ้

น (ธั

ญลั

กษณ์ 2550)

ส่

วนวิ

ทยานิ

พนธ์

อี

กเรื่

องหนึ่

งของพรรณภั

ทร ปลั่

งศรี

เจริ

ญสุ

ข (2551) ได้

ศึ

กษาวิ

จั

ยถึ

ง ‘อั

ตลั

กษณ์ของแรงงานข้ามชาติ

คื

นถิ่

นกั

บการต่อรองการพั

ฒนาของ

ชาวบ้านในจั

งหวั

ดล�

ำปาง’ ตามได้กล่าวถึ

งมาบ้างแล้วในหั

วข้อ 3 ส�

ำหรั

บในหั

วข้อ

นี้

งานของพรรณภั

ทรยั

งช่วยชี้

ให้เห็

นเพิ่

มเติ

มอี

กมิ

ติ

หนึ่

งด้วยว่า แรงงานข้ามชาติ

ที่

กลั

บคื

นถิ่

นแล้

วได้

พยายามสร้

างอั

ตลั

กษณ์

ว่

าตนเป็

นผู้

มี

ทั

กษะ ในการประสานงาน

และต่

อรองกั

บหน่

วยงานภายนอก เพื่

อสร้

างความชอบธรรมในการเป็

นผู้

น�

การพั

ฒนา ซึ่

งสามารถต่อรองในการดึ

งโครงการพั

ฒนาต่างๆ ให้เข้ามาสู่ชุ

มชนได้

และสามารถใช้ประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับจากต่างแดน เพื่อน�

ำมาปรับใช้ใน

การพั

ฒนาบ้

านเกิ

ดของตนให้

ก้

าวไปสู่

ความเป็

นสั

งคมสมั

ยใหม่

ตามความต้

องการ

ของพวกเขาได้มากขึ้

ในขณะที่

แรงงานข้

ามชาติ

กลั

บคื

นถิ่

นสามารถสร้

างอั

ตลั

กษณ์

เพื่

อการช่

วงชิ

พื้

นที่

ของสั

งคมสมั

ยใหม่

ตามที่

พวกเขาก�

ำหนดได้

เองตามสมควร แทนการถูก

ยั

ดเยี

ยดมาจากอ�

ำนาจภายนอก คนงานอี

กกลุ

มหนึ่

งในภาคเหนื

อคื

อ แรงงานพลั

ดถิ่

จากประเทศเพื่

อนบ้

าน จากกรณีศึกษาคนงานไทใหญ่

ในโครงการพัฒนาพื้

นที่

สูง

ในบทความวิ

จั

ยเรื่

อง “More than culture, gender and class: erasing Shan labor

in the “success” of Thailand’s royal development project” (Latt 2011) ซึ่

งพบ

ว่

า พวกเขากลั

บถูกยั

ดเยี

ยดภาพลั

กษณ์

ว่

าเป็

นคนชายขอบหรื

อคนไร้

ถิ่

นที่

ร่

อนเร่

และหลักลอย ทั้งๆ ที่พวกเขาอยู่เบื้องหลังความส�

ำเร็จต่างๆ ของโครงการพัฒนา

พื้

นที่

สูง แต่

ก็

กลั

บถูกลื

มจนแทบไร้

ความเป็

นคน ซึ่

งแลตวิ

เคราะห์

ว่

า ปั

ญหาดั

งกล่

าว