งานวิจัยวัฒนธรรมภาคเหนือ
217
ที่
ถูกกี
ดกั
นและเบี
ยดขั
บจากทุ
กรั
ฐ พวกเธอกลั
บสามารถช่
วงชิ
งพื้
นที่
ชายแดน
ห่
างไกลจากศูนย์
กลางอ�
ำนาจ ในการสร้
างความเป็
นชาติ
ด้
วยการเข้
าร่
วมกั
บ
กองทัพกู้ชาติไทใหญ่ เพื่อท้าทายและต่อรองกับอ�
ำนาจรัฐต่างๆ ทั้งไทยและพม่า
ในการแสดงตั
วตนให้
ลื่
นไหลไปมาได้
ดั
งนั้นพื้
นที่
ไร้
รั
ฐตามชายแดนจึ
งสามารถ
กลายเป็
นพื้
นที่
สร้
างสรรค์
เพื่
อเปิ
ดให้
เกิ
ดการก่
อตั
วของอ�
ำนาจขึ้
นมาจั
ดการตนเองได้
ดั
งข้
อค้
นพบในงานของ อเล็
กซานเดอร์
ฮอร์
สต์
มาน เรื่
อง ‘Creating non-state spaces:
interfaces of humanitarianism and self-government of Karen refugee migrants
in Thai Burmese border space’ (Horstmann 2012) ที่
ผู้ลี้
ภั
ยพลั
ดถิ่
นชาวกระเหรี่
ยง
ตามชายแดนไทย-พม่า สามารถจั
ดการช่วยเหลื
อตนเองได้ทางด้านมนุ
ษยธรรม
ส�
ำหรั
บกรณี
ศึ
กษาการเดิ
นทางเข้
ามาศึ
กษาพุ
ทธศาสนาในจั
งหวั
ดล�
ำพูน
ของพระสงฆ์ชาวไทลื้
อ จากสิ
บสองปันนาในมณฑลยูนนาน ในงานวิ
จั
ยของ วสั
นต์
ปัญญาแก้ว เรื่อง “Cross-border journey and minority monks: the making of
Buddhist places in southwest China” (Wasan 2010) พบว่า ประสบการณ์ดั
งกล่าว
มี
ส่
วนช่
วยให้
พระสงฆ์
เหล่
านั้
นสามารถสร้
างเครื
อข่
ายข้
ามชาติ
ในภูมิ
ภาคลุ่
มน�้
ำโขง
ตอนบน จนมี
บทบาทอย่
างส�
ำคั
ญในการเสริ
มพลั
งของการเคลื่
อนไหวเพื่
อฟื
้
นฟู
พุ
ทธศาสนาในท้องถิ่
น พร้อมๆ กั
บช่วยเพิ่
มศั
กยภาพให้ชาวไทลื้
อสามารถสร้างตั
ว
ตนทางวั
ฒนธรรมและความเป็นท้องถิ่
น ในบริ
บทที่
รั
ฐจี
นก�
ำลั
งขยายตั
วเข้ามาแย่ง
พื้
นที่
เพื่
อการค้าและการพั
ฒนาในระดั
บภูมิ
ภาคทางตอนใต้ของประเทศจี
น
โดยสรุ
ปแล้
ว ไม่
ว่
าจะเป็
นปั
ญหาสุ
ขภาพ ปั
ญหาแรงงาน และปั
ญหาสภาวะ
ข้
ามแดนล้
วนเป็
นพื้
นที่
ของการช่
วงชิ
งความหมายของการพั
ฒนาในสั
งคมสมั
ยใหม่
ซึ่
งเกี่
ยวข้
องอย่
างชั
ดเจนกั
บความพยายามสร้
างความหลากหลายของความรู้
ในฐานะที่
เป็
นทุ
นทางวั
ฒนธรรม และการเสริ
มสร้
างพลั
งของความเชื่
อ ศาสนา
ความเป็
นชุ
มชน ท้
องถิ่
น และชาติ
ในฐานะที่
เป็
นสิ
ทธิ
ทางวั
ฒนธรรมและสิ
ทธิ
ชุ
มชน ซึ่
งถื
อเป็
นพื้
นฐานส�
ำคั
ญของความเคลื่
อนไหวต่
อสู้
เพื่
ออั
ตลั
กษณ์
ของกลุ่
มชน
ในสั
งคมที่
มี
ความหลากหลายทั้
งทางสั
งคมและวั
ฒนธรรมมากขึ้
น เช่
น สั
งคมใน
ภาคเหนื
อของประเทศไทยในปัจจุ
บั
นนี้