208
กำ�กึ๊ดกำ�ปาก
ชาติ
พั
นธุ
์
และพื้
นที่
ทางกายภาพต่
างๆ อี
กด้
วย โดยเฉพาะมิ
ติ
ของปั
ญหาสุ
ขภาพ
ปั
ญหาแรงงาน และปั
ญหาของสภาวะข้
ามแดน ซึ่
งล้
วนเป็
นมิ
ติ
ส�
ำคั
ญในการพั
ฒนา
ที่
มั
กจะถูกมองข้ามอยู่เสมอๆ
ในมิ
ติ
ของปั
ญหาสุ
ขภาพนั้
น ผู้
เขี
ยนได้
เริ่
มต้
นวิ
จั
ยไว้
ตั้
งแต่
ช่
วงทศวรรษที่
2530
ดังตัวอย่
างในบทความเรื่อง “ระบบความเชื่อและพิธีกรรมกับการรักษาพยาบาล
ในล้
านนา” (อานั
นท์
2533) โดยเผยให้
เห็
นถึ
งระบบสุ
ขภาพของท้
องถิ่
นว่
ายึ
ดโยงอยู่
กับความเชื่อและพิธีกรรมต่างๆ อย่างแนบแน่น ในฐานะที่เป็นพื้นฐานของความรู้
ในการรั
กษาพยาบาลอี
กชุ
ดหนึ่
ง ซึ่
งด�
ำรงอยู่
ควบคู่
กั
บความรู้
ทางการแพทย์
สมั
ยใหม่
ที่
รั
บมาจากวั
ฒนธรรมตะวั
นตก ต่
อมาเมื่
อมี
การวิ
จั
ยเพิ่
มเติ
มร่
วมกั
นระหว่
าง
นั
กมานุ
ษยวิ
ทยาและนายแพทย์แผนใหม่ก็
พบว่า ความรู้ด้านสุ
ขภาพในวั
ฒนธรรม
ท้
องถิ่นนั้
นไม่ใช่
เป็
นเพียงความเชื่อและพิธีกรรมเท่
านั้
น หากแต่
ยังเป็
นภูมิปั
ญญา
ที่มีศักยภาพในการดูแลรักษาสุขภาพได้หลายโรคเช่นเดียวกัน ดังตัวอย่างในงาน
วิ
จั
ยเรื่
อง
ศักยภาพของภูมิปัญญาพื้นบ้านด้านการดูแลรักษาสุขภาพ: กรณี
ศึกษาการรักษากระดูกหักของหมอเมือง และการดูแลครรภ์ของชาวอ่าข่า
จังหวัดเชียงราย
(ยิ่
งยง และ ธารา 2535) ส่วนงานวิ
จั
ยอี
กชิ้
นหนึ่
งของผู้เขี
ยนใน
ช่วงทศวรรษเดี
ยวกั
นนั้
น เรื่
อง “การเปลี่
ยนแปลงอ�
ำนาจและสถานะของหมอเมื
อง
ในพิ
ธี
รั
กษาโรคพื้
นบ้านล้านนา” (อานั
นท์ 2555: 157-188) ก็
พบเพิ่
มเติ
มอี
กด้วยว่า
ความรู้
ของหมอพื้
นบ้
านที่
เรี
ยกว่
า “หมอเมื
อง” ยั
งมี
ส่
วนส�
ำคั
ญในการดูแลรั
กษาโรค
ที่
แพทย์
สมั
ยใหม่
ยั
งรั
กษาไม่
ได้
ผลดี
นั
ก โดยเฉพาะโรคที่
มี
ความซั
บซ้
อน เพราะมี
สาเหตุ
มากกว่
าด้
านชี
วภาพ ซึ่
งมั
กจะเกี่
ยวข้
องกั
บปั
ญหาทางสั
งคมและจิ
ตใจในการ
ปรั
บตัวต่อการเปลี่
ยนแปลงทางสั
งคมและวั
ฒนธรรมสมั
ยใหม่
เมื่
อภาคเหนื
อต้
องเผชิ
ญกั
บวิ
กฤตการณ์
โรคเอดส์
ตั้
งแต่
ปลายทศวรรษที่
2520 และกลายเป็นปัญหาของการพั
ฒนาด้านสุ
ขภาพที่
มี
ความซั
บซ้อนอย่างมาก
ในช่
วงเวลาต่
อมา เพราะเกี่
ยวข้
องกั
บสาเหตุ
ต่
างๆ มากกว่
าสาเหตุ
ด้
านชี
วภาพเท่
านั้
น
โดยครอบคลุมเกี่ยวข้องกับทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมสมัยใหม่
ตลอดจนการสร้
างภาพตั
วแทนด้
านลบต่
างๆ และวาทกรรมของความไร้
ศี
ลธรรม