งานวิจัยวัฒนธรรมภาคเหนือ
135
มากแม้จะเป็นสมาชิ
กของกลุ่มชาติ
พั
นธุ์นั้
นเอง เนื่
องจากเป็นคนรุ่นใหม่ที่
เข้ามารั
บ
การศึ
กษาแบบใหม่ตั้
งแต่เล็
กๆ คนที่
เป็นสมาชิ
กของกลุ่มชาติ
พั
นธุ์นี้
อาจเรี
ยกได้ว่า
เป็
น “คนใน” แต่
ประเด็
นที่
ว่
าการศึ
กษาทางมานุ
ษยวิ
ทยาควรกระท�
ำโดย “คนนอก”
หรื
อ “คนใน” จึ
งจะได้
ผลดี
กว่
ากั
นยั
งเป็
นประเด็
นที่
หาข้
อยุ
ติ
ไม่
ได้
นั
กมานุ
ษยวิ
ทยา
ที่
ศึ
กษาชุ
มชนชาติ
พั
นธุ
์
ของตนเอง จะถื
อว่
าเป็
น “คนใน” ใช่
หรื
อไม่
ปริ
ตตา
(ปริ
ตตา บก. 2545: 15) เห็
นว่
า “นั
กมานุ
ษยวิ
ทยาที่
ศึ
กษาชุ
มชนชาติ
พั
นธุ
์
ของ
ตนเอง ก็
ไม่
ต่
างจากนั
กมานุ
ษยวิ
ทยาที่
ไปศึ
กษาสั
งคมคนอื่
น ในแง่
ที่
มี
อั
ตลั
กษณ์
ซ้
อน
อยู่
ในตั
วเอง มี
ทั้
งความรู้
สึ
กร่
วมเป็
นพวกเดี
ยวกั
นและความแปลกแยกกั
บชุ
มชน
การท�
ำงานในสั
งคมตนเองไม่
ได้
แปลว่
าจะมี
แต่
ความกลมกลื
นราบรื่
น แต่
มี
เส้
นแบ่
ง
ทางความคิ
ด ชนชั้
น…แต่
ความแปลกแยกสามารถเป็
นเครื่
องมื
อที่
จะเรี
ยนรู้
และ
ท�
ำความเข้าใจชุ
มชนได้อี
กแบบหนึ่
ง”
แนวทางการศึกษาที่ท�
ำมากขึ้นในระยะหลังอีกประการหนึ่
งคือ การศึกษา
เชิ
งเปรี
ยบเที
ยบ จากเดิ
มที่
ศึ
กษากลุ
่
มเดี
ยวในพื้
นที่
เดี
ยว เปลี่
ยนเป็
นการเปรี
ยบเที
ยบ
ระหว่
างกลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
โดยเฉพาะอย่
างยิ่
งกลุ
่
มที่
ดูเหมื
อนจะมี
ความแตกต่
างกั
น
อย่
างมากในเรื่
องโครงสร้
างของเครื
อญาติ
และการปฏิ
บั
ติ
ทางวั
ฒนธรรม เช่
น
การศึ
กษาเปรี
ยบเที
ยบด้
านการท�
ำการเกษตรและการใช้
ที่
ดิ
นระหว่
างกลุ
่
มม้
งกั
บ
กลุ่มกะเหรี่ยงที่ตั้งชุมชนอยู่ใกล้เคียงกันของ Tomforde (2003) ซึ่งพบว่าในขณะที่
กะเหรี่
ยงซึ่
งถูกมองว่
าเป็
นนั
กอนุ
รั
กษ์
ได้
ละทิ้
งความรู้
ท้
องถิ่
นไปมาก แต่
ม้
งซึ่
งถูกมอง
ว่าท�
ำลายป่า กลั
บมี
การพั
ฒนาการปฏิ
บั
ติ
ไปในทิ
ศทางที่
อนุ
รั
กษ์มากขึ้
น งานเขี
ยน
ใช้
แนวคิ
ดที่
เรี
ยกว่
า environmentalism ในความหมายที่
กว้
าง คื
อไม่
เพี
ยงแต่
เป็
น
เรื่
องของการสนองตอบร่
วมกั
นต่
อความเสื่
อมโทรมทางทรั
พยากร แต่
ยั
งเป็
น
ปรากฏการณ์
ทางสั
งคมและการเมื
องที่
ซั
บซ้
อน เนื่
องจากมี
เรื่
องของผลประโยชน์
ทาง
สังคม-การเมืองและระบบคุณค่าเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยสรุปแล้ว environmentalism
เป็
นวาทกรรมที่
รวมเอาการต่
อสู้
ช่
วงชิ
งทรั
พยากรธรรมชาติ
และการต่
อสู้
อ�
ำนาจ
เชิงสัญลักษณ์ เพื่อก�ำหนดว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมควรจะถูกแก้ไขอย่างไร ในฐานะ
ที่
เป็นวาทกรรม มั
นจึ
งสะท้อนและส่งอิ
ทธิ
พลต่อกระบวนการทางสั
งคม เศรษฐกิ
จ