งานวิจัยวัฒนธรรมภาคเหนือ
137
ที่
เน้
นการศึ
กษาแต่
ละเผ่
าโดยไม่
ได้
สนใจความสั
มพั
นธ์
กั
บชาวเขากลุ
่
มอื่
นหรื
อกั
บ
กลุ
่
มอ�
ำนาจอื่
นๆ เท่
าใดนั
ก เป็
นการศึ
กษาที่
พยายามจะเข้
าใจถึ
งแก่
นแท้
(essentials)
ของแต่
ละเผ่
า และก�
ำหนดอั
ตลั
กษณ์
ของแต่
ละเผ่
าจากลั
กษณะทางสั
งคมและ
วั
ฒนธรรมที่
ดูแล้วแตกต่างจากกลุ่มอื่
น กล่าวในด้านวิ
ธี
การศึ
กษาแล้ว ถื
อเป็นการ
ศึ
กษาโดย “คนนอก” ที่
ก�
ำหนด ด�
ำเนิ
นการและสรุ
ปผลโดยคนนอกวั
ฒนธรรมที่
อยู่
นอกชุ
มชน นอกจากนี้
ยั
งมี
งานที่
เป็
นงานวิ
จั
ยและพั
ฒนา (Research and Development)
ที่
เน้นงานวิ
จั
ยแบบประยุ
กต์ เพื่
อค้นหาแนวทางของการพั
ฒนาและติ
ดตามผลของ
การพั
ฒนาในด้
านต่
างๆ ได้
แก่
การเกษตรป่
าไม้
สาธารณสุ
ข การศึ
กษา เป็
นต้
น แตก
ต่างจากงานศึกษาด้านชาติพันธุ์ในระยะสิบปีที่ผ่านมา ทั้งนี้
ที่สามารถสรุปเนื้อหา
และวิธีวิทยาของการศึกษาและข้อสังเกตถึงลักษณะการท�
ำวิจัยด้านชาติพันธุ์ ได้
หลายประการดั
งต่อไปนี้
ประการแรก
ในเรื่
องประเด็
นและหั
วข้
อศึ
กษานั้
น พบว่
ามี
เหตุ
จูงใจให้
นั
กวิ
จั
ย
เลื
อกประเด็
นอยู่
สามปั
จจั
ย ปั
จจั
ยแรกคื
อการเลื
อกประเด็
นที่
เป็
นที่
สนใจของคนทั่
วไป
เพราะเป็
นสถานการณ์
ปั
ญหาที่
ด�
ำรงอยู่
เช่
น การเลื
อกศึ
กษาปั
ญหาการช่
วงชิ
ง
ทรั
พยากรระหว่
างรั
ฐกั
บกลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
บนพื้
นที่
สูง โดยมี
ขบวนการขององค์
กร
พั
ฒนาเอกชนและชุ
มชนที่
รวมตั
วกั
นเพื่
อต่
อสู้
เรี
ยกร้
องให้
ได้
มาซึ่
งสิ
ทธิ
ในการจั
ดการ
ทรั
พยากร และมี
กลยุ
ทธในการต่
อสู้
ช่
วงชิ
งในรูปแบบต่
างๆ โดยเฉพาะอย่
างยิ่
ง
ในการสร้
างอั
ตลั
กษณ์
ทางชาติ
พั
นธุ์
เป็
นกลยุ
ทธในการตอบโต้
วาทกรรมกระแสหลั
ก
ปั
ญหาการอพยพข้
ามแดนของกลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
ในรูปของผู้
ลี้
ภั
ย แรงงานข้
ามชาติ
หรื
อ
ชุ
มชนพลั
ดถิ่
น และปั
ญหาการอพยพเข้
ามาในเมื
อง ประเด็
นการท่
องเที่
ยวและ
ผลกระทบ ซึ่
งเป็
นปั
ญหาที่
เด่
นชั
ดในสิ
บปี
ที่
ผ่
านมา ส่
งผลให้
มี
การศึ
กษาในประเด็
น
เหล่านี้
มากขึ้
น
ปั
จจั
ยที่
สอง เป็
นหั
วข้
อที่
มี
ผู้
สนใจท�
ำโดยเฉพาะ โดยไม่
ขึ้
นต่
อปั
ญหา
สถานการณ์
เร่
งด่
วน เช่
น ประเด็
นเพศสภาพในกลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
ประเด็
นด้
านการ
วิเคราะห์ภาษาชาติพันธุ์ ประเด็นทางศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมชาติพันธุ์
เป็นต้น ส่วนปัจจัยที่
สาม เป็นหั
วข้อที่
มี
แหล่งทุ
นให้การสนั
บสนุ
น ซึ่
งพบว่าในระยะ