งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน
19
ตนเอง สมมาตร์
ผลเกิ
ด ได้
กล่
าวถึ
งเอกสารวิ
จั
ยและบทความทางวิ
ชาการที่
เป็
นองค์
ความรู้
ทางด้
านวั
ฒนธรรมในช่
วงระหว่
างปี
พ.ศ.2536-2546 สามารถจั
ดหมวดหมู่
ขององค์
ความรู้
ออกเป็
น 3 กลุ
่
มดั
งนี้คื
อ 1.ด้
านประวั
ติ
ศาสตร์
โดยผู้
เขี
ยนจะ
กล่
าวถึ
งความเป็
นมาของเมื
องและจั
งหวั
ดต่
างๆ ในภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ
ด้
านประวั
ติ
ศาสตร์
สภาพทางเศรษฐกิ
จ วั
ฒนธรรมและกลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
2.ด้
านวิ
ชาการ
เป็
นบทความทางวิ
ชาการและผลงานวิ
จั
ยของนั
กวิ
ชาการ นั
กพั
ฒนาและปราชญ์
ชาวบ้
าน ได้
ท�
ำการศึ
กษาไว้
อย่
างเป็
นระบบทั้
งกระบวนการศึ
กษา วิ
ธี
วิ
ทยาและ
การจั
ดเก็
บข้
อมูลที่
เป็
นไปอย่
างถูกต้
องตามศาสตร์
แห่
งการวิ
จั
ย และ 3.เกร็
ดความรู้
ซึ่
งเป็นเกร็
ดความรู้ด้านประวัติ
ศาสตร์ โบราณคดี
และขนบธรรมเนี
ยมประเพณี
นอกจากนี้
ผู้
เขี
ยน ได้
กล่
าวถึ
งผลงานวิ
จั
ยที่
เกี่
ยวกั
บด้
านเศรษฐกิ
จชุ
มชน
ซึ่
งแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ดั
งนี้
คื
อ
1.การศึ
กษาสภาพทั่
วไปของเศรษฐกิ
จภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ ใน
ช่
วงหลั
งสงครามโลกครั้
งที่
2 ถึ
งปั
จจุ
บั
น (2488-2544) 2.การเปลี่
ยนแปลงท
างเศรษฐกิ
จของภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ เนื้
อหาได้
กล่
าวถึ
งสาเหตุ
แห่
งการ
เปลี่
ยนแปลงทางเศรษฐกิ
จของชุ
มชน ท�
ำให้
เกิ
ดการเปลี่
ยนแปลงทั้
งทางด้
าน
สังคมและด้
านเศรษฐกิ
จ กลายเป็
นเศรษฐกิจเพื่อการค้
ามากขึ้น ท�
ำให้
เศรษฐกิ
จ
ของชุ
มชนเข้
าไปผูกติ
ดกั
บกลไกของตลาดมากขึ้
น และท�
ำให้
การพึ่
งพาอาศั
ย
ซึ่
งกั
นและกั
นของคนในชุ
มชนลดลง จากการศึ
กษาวิ
จั
ย ผู้
เขี
ยนพบว่
ามี
ปั
จจั
ย
2 ประการ คื
อ ปั
จจั
ยภายใน คื
ออั
ตราการเพิ่
มประชากรอย่
างรวดเร็
วของชาวอี
สาน
และปั
จจั
ยภายนอกซึ่
งเป็
นผลมาจากการประกาศใช้
แผนพั
ฒนาเศรษฐกิ
จและสั
งคม
แห่
งชาติ
ซึ่
งมี
ส่
วนส�
ำคั
ญในการผลั
กดั
นโครงสร้
างทางเศรษฐกิ
จของชุ
มชนอี
สาน
เปลี่
ยนแปลงไปอย่
างรวดเร็
ว 3.ผลกระทบทางเศรษฐกิ
จของชุ
มชนภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ มี
เนื้
อหาโดยสรุ
ปได้
ว่
าผลจากการพั
ฒนาเศรษฐกิ
จมี
ผลกระทบทั้
งด้
านบวก
และลบต่
อวิ
ถี
ชี
วิ
ตของชุ
มชนภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ และ 4.ยุ
ทธศาสตร์
เพื่
อการอ
ยู่
รอดของชุ
มชน ซึ่
งมี
เนื้
อหาคื
อ การแทรกตั
วของระบบทุ
นนิ
ยมเข้
าสู่
เศรษฐกิ
จแบบ
พึ่
งตนเองของชาวนา ท�
ำให้ชาวนาต้องเผชิ
ญความเสี่
ยงเพิ่
มขึ้
น
สมมาตร์
ผลเกิ
ด ได้
กล่
าวถึ
งผลงานวิ
จั
ยด้
านวั
ฒนธรรมกั
บการพั
ฒนา