Previous Page  85 / 238 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 85 / 238 Next Page
Page Background

84

ถกเถียงวัฒนธรรม

ในจ�

ำนวนงานศึ

กษาปั

จจุ

บั

นที่

มี

อยู่

อย่

างจ�

ำกั

ดนั้

น งานชิ้

นใหม่

ของขวั

ญชี

วั

บั

วแดง (Kwanchewan 2008) นั

บเป็

นตั

วอย่

างหนึ่

ง ที่

พยายามสื

บทอดประเด็

การศึ

กษาความเคลื่

อนไหวของผู้มี

บุ

ญมาจากช่วงทศวรรษที่

2520 โดยศึ

กษากรณี

ของชุ

มชนผู้

มี

บุ

ญของชาวกะเหรี่

ยงที่

อาศั

ยอยู่

ตามชายแดนระหว่

างไทยกั

บพม่

ซึ่

งเคยเคลื่

อนไหวต่

อสู้

กั

บรั

ฐบาลต่

างๆ มาตั้

งแต่

สมั

ยอาณานิ

คมอั

งกฤษจนถึ

รั

ฐบาลพม่

าในปั

จจุ

บั

น ด้

วยการสร้

างและรั

กษานิ

กายทางศาสนาแบบพระศรี

อาริ

ย์

ไว้

ตลอดระยะเวลา 4 ทศวรรษที่

ผ่านมา ในฐานะที่

เป็นการปฏิ

บั

ติ

การในการตี

ความ

อุ

ดมการณ์

ตามนั

ยในความคิ

ด Habitus ของ Bourdieu ที่

อาจขั

ดแย้

งและปรั

บเปลี่

ยน

อยู่ตลอดเวลา ในบริ

บทของการต่อรองกั

บกลุ่มอ�

ำนาจต่างๆ จากภายนอก

ส�

ำหรั

บผู้

เขี

ยนเอง ได้

พยายามปรั

บการวิ

เคราะห์

งานวิ

จั

ยที่

ผ่

านๆ มา

ด้วยการเปลี่

ยนมามองวั

ฒนธรรมในเชิ

งปฏิ

บั

ติ

การมากขึ้

น ดั

งตั

วอย่างในบทความ

(Anan 2007) ที่

พยายามวิ

เคราะห์

ขบวนการเคลื่

อนไหวป่

าชุ

มชนของชาวเขาใน

ภาคเหนื

อ โดยอาศั

ยแนวคิ

ดเรื่

อง “พื้

นที่

ความรู้

” (Knowledge Space) ในฐานะ

ที่

เป็

นพื้

นที่

ของการปฏิ

บั

ติ

การ ในการสร้

างความรู้

และต่

อรองอ�ำนาจ ในบริ

บทของการ

ช่วงชิ

งอานาจในการจัดการทรัพยากรกั

บรั

ฐ แนวความคิ

ด “พื้

นที่

ความรู้

” นี้

David Turnbull ได้

ทดลองน�

ำเสนอในมิ

ติ

ทางสั

งคมและวั

ฒนธรรมในปี

1997 และต่

อมา

Sarah Wright (2005) ก็

น�

ำมาขยายความให้

ชั

ดเจนขึ้

น เมื่

อผู้

เขี

ยนน�

ำความคิ

ดนี้

มาวิ

เคราะห์

ขบวนการเคลื่

อนไหวป่

าชุ

มชน ก็

พบว่

าชาวเขาได้

ปฏิ

บั

ติ

การอย่

าง

ซั

บซ้

อน ในกระบวนการสร้

างความรู้

และอ�

ำนาจ ซึ่

งเกิ

ดขึ้

นในพื้

นที่

ระหว่

างคู่

ตรงข้

าม

ต่างๆ เช่น ระหว่างป่าและการเกษตร ระหว่างการอนุ

รั

กษ์และการพั

ฒนา เพราะ

ชาวเขาสามารถผสมผสานความรู้ต่างๆ เพื่อการต่อรอง เช่น ผ่านพิธีบวชป่า ซึ่ง

ผสมผสานความเชื่

อจากหลายทางศาสนา ในความพยายามจะสื่

อสารเชิ

งวาทกรรม

กั

บทั้

งภายในและภายนอกชุ

มชน

ขณะเดี

ยวกั

นก็

มี

การปรั

บความคิ

ดเรื่

องสิ

ทธิ

ด้

วย จากสิ

ทธิ

ชุ

มชนซึ่

งมี

นั

ยของ

ความเป็

นอั

นหนึ่

งอั

นเดี

ยวกั

น ก็

เปลี่

ยนมาสร้

างความหมายของสิ

ทธิ

เชิ

งซ้

อนแทน

เพราะการจั

ดการป่

าจะเกี่

ยวข้

องกั

บผู้

มี

ส่

วนได้

ส่

วนเสี

ยหลายฝ่

าย ที่

ต้

องเข้

ามามี