218
โสวัฒนธรรม
ท่
องเที่
ยว สภาฯก็
อาจจะคิดออกมาแตกต่
างจากที่
การท่
องเที่ยวแห่
งประเทศไทย
และฝ่
ายปกครองของจั
งหวั
ดคิ
ด กล่
าวคื
อข้
อแตกต่
างจะอยู่
ที่
ชาวบ้
านมี
ส่
วนเป็
น
เจ้
าของงานนั้
น มี
บทบาทในการจั
ดสรรประโยชน์
ที่
จะเกิ
ดขึ้
นจากการจั
ดงานนั้
น
พวกเขาจะแสดงออกอย่างเป็น “ธรรมชาติ
” มากกว่า เพราะงานที่
ก�
ำหนดขึ้
นไม่ใช่
“การแสดง” แต่เป็นส่วนหนึ่
งของประเพณี
พวกเขาท�
ำอยู่แล้ว
การศึ
กษาวิ
จั
ยเรื่
องวั
ฒนธรรมพื้
นบ้
านที่
ชาวบ้
านมี
ส่
วนร่
วม คื
อการวิ
จั
ยที่
สร้างส�ำนึ
กให้กับชุมชน และสร้างพลังในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่พวกเขาประสบ
อยู่ นั
กวิ
จั
ยอาจไม่ใช่นั
กพั
ฒนาก็
จริ
ง แต่นั
กวิ
จั
ยสามารถร่วมมื
อกั
บนั
กพั
ฒนาทั้
งรั
ฐ
หรื
อเอกชนในกระบวนการวิ
จั
ยเพื่
อจิ
ตส�
ำนึ
ก ซึ่
งท�
ำให้งานนั้
นสั
มพั
นธ์กั
บบริ
บททาง
เศรษฐกิ
จสั
งคมของอดี
ตและปัจจุ
บั
นของหมู่บ้าน จิ
ตส�
ำนึ
ก คื
อ พลั
งส�
ำคั
ญในการ
พั
ฒนา และวิ
ธี
การที่
ควรไปเริ่
มที่
หมู่
บ้
าน ไม่
ใช่
จากมหาวิ
ทยาลั
ย จากแนวคิ
ดทฤษฎี
หรื
อแม้แต่ผลงานวิ
จั
ยที่
เคยท�
ำมาก่อน
การส่
งเสริ
มหั
ตถกรรมพื้
นบ้
านเป็
นเรื่
องดี
แต่
ชาวบ้
านไม่
มี
ส่
วนร่
วมในการ
ก�
ำหนดรูปแบบ เนื้
อหา วิ
ธี
การ และราคาสิ
นค้า เพราะไม่มี
ก�ำลั
งต่อรอง ไม่ได้รั
บ
การสนั
บสนุ
นให้
มี
ความรู้
ความสามารถและทุ
นในการจั
ดการทรั
พยากรของตนเอง
พวกเขาไม่
คุ
้
นเคยกั
บการค้
าแบบใหม่
จึ
งต้
องตกเป็
นเบี้
ยล่
างของพ่
อค้
าอยู่
ตลอดเวลา
การด�ำเนิ
นงานเกี่ยวกับวัฒนธรรมพื้นบ้านหากจะมีเป้าหมายในการพัฒนา
คุ
ณภาพชี
วิ
ตชาวบ้านจริ
งๆ แล้วก็
ต้องเริ่
มที่
แนวคิ
ด ต้องเปลี่
ยนความคิ
ดใหม่ ต้อง
เอาชาวบ้านเป็น “ตั
วตั้
ง” ต้องเริ่
มต้นที่
หมู่บ้านและตั
วชาวบ้าน เริ่
มท�
ำความเข้าใจ
กั
บรากเหง้
าของชุ
มชนหมู่
บ้
านพยายามเข้
าใจกระบวนทรรศน์
ดั้
งเดิ
มซึ่
งเป็
นรากฐาน
ชี
วิ
ตของหมู่บ้าน ปรั
บวิ
ธี
คิ
ดให้เชื่
อและศรั
ทธาชาวบ้านดวงตาจะได้เห็
นภูมิ
ปัญญา
และศั
กยภาพชาวบ้านมากยิ่
งขึ้
น
การเปลี่
ยนความคิ
ดเช่
นนี้
ไม่
ได้
ปฏิ
เสธหรื
อต่
อต้
านการด�
ำเนิ
นการที่
ท�
ำกั
นอยู่
ตรงกั
นข้
าม งานบุ
ญวั
ฒนธรรมจะมี
มากขึ้
นทั้
งทางปริ
มาณและคุ
ณภาพงานวิ
จั
ยจะ
มี
มากขึ้
น เพราะจะ “สนุ
ก” และได้
ประโยชน์
ทุ
กฝ่
าย ทั้
งชาวบ้
านและคนท�
ำวิ
จั
ย จะ