30
สืบโยดสาวย่าน
นั้
น วั
ฒนธรรมก็
ไม่
สามารถอยู่
ได้
ยั่
งยื
น หรื
อไม่
สามารถรั
กษาความหมายที่
แท้
จริ
งไว้
ได้ นอกจากนี้
จะต้องรู้ว่าจริ
ยธรรม คื
อ ความจริงในขั้
นโยงสู่การปฏิ
บั
ติ
ของมนุ
ษย์
อันเกี่ยวกับความดีงามและประโยชน์สุขที่มนุษย์จะได้รับซึ่งสอดคล้องกับสัจธรรม
นั้
น (พระธรรมปิฎก, 2537)
เมื่
อพูดถึ
งการศึ
กษาเกี่
ยวกั
บวั
ฒนธรรม พบว่
า มี
กลุ
่
มคนในสั
งคมไทย
ให้
ความสนใจกั
นอย่
างหลากหลาย และมี
จุ
ดประสงค์
ในการศึ
กษาที่
เหมื
อนหรื
อ
แตกต่
างกั
น ทั้
งนี้
ขึ้
นอยู่
กั
บว่
า การศึ
กษาดั
งกล่
าวเป็
นกุ
ญแจเพื่
อน�
ำไปสู่
ค�
ำตอบและ
การแก้ปัญหาอะไรโดยที่ปัญหาต่างๆ ล้วนแต่เป็นผลิตผลของมนุษย์ทั้งสิ้น ความ
จริงประการหนึ่
งในการศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรม คือ เพื่อการรู้จักตนเองและสิ่งที่
เกี่
ยวข้องกั
บตนให้กว้างขวางยิ่
งขึ้
น เพื่
อประโยชน์ต่อการด�
ำรงอยู่ของตน ด้วยการ
เชื่
อมโยงอดี
ต ปั
จจุ
บั
นและอนาคตเข้
าด้
วยกั
น การศึ
กษาวั
ฒนธรรมที่
ว่
านี้
จึ
งมิ
ใช่
การ
ศึ
กษาอย่
างลอยๆ หรื
อหยุ
ดนิ่
ง แต่
เป็
นการมองวั
ฒนธรรมในลั
กษณะเคลื่
อนไหว
โดยที่
ค�
ำนึ
งถึ
งความสั
มพั
นธ์
กั
บกลุ
่
มชนหรื
อสิ่
งต่
างๆ การศึ
กษาในลั
กษณะนี้
นอกจากท�
ำให้
ได้
ความรู้
ที่
ดี
มี
ประโยชน์
แล้
วยั
งช่
วยต่
อการที่
จะเข้
าใจตนเองและ
สังคมได้อย่างกว้างขวาง ในขณะที่การศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรมไม่น้อยเป็นเพียง
การศึกษาสิ่งที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมมากกว่าการศึกษาวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับ
ชีวิต และความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม ยิ่งกว่านั้
นวิธีการศึกษาตลอดจนแนวคิด
ต่างๆ ก็มักเน้
นในเรื่องความเก่
าแก่
และความชื่นชมในสิ่งที่ดีงามที่จะต้
องอนุรักษ์
ไว้ให้คนรุ่นหลั
งเป็นส�
ำคั
ญ ซึ่
งแนวคิ
ดและวิ
ธี
การศึ
กษาในลั
กษณะดั
งกล่าว มักเป็น
เรื่
องเกี่
ยวกั
บโบราณสถาน โบราณวั
ตถุ
ศิ
ลปวั
ตถุ
ตลอดจนขนบธรรมเนี
ยมประเพณี
พิ
ธี
กรรม วรรณกรรมและศิ
ลปกรรม (ศรี
ศั
กร วั
ลลิ
โภดม, 2554) สิ่
งทั้
งหลายเหล่านี้
ล้
วนเป็
นวั
ฒนธรรมที่
เป็
นภาพนิ่
ง อย่
างไรก็
ตามในระยะหลั
งมานี้
ความสนใจในการ
ศึ
กษาวั
ฒนธรรมในลั
กษณะภาพเคลื่
อนไหวนั้
นได้
เกิ
ดการตื่
นตั
วสนใจศึ
กษามากขึ้
น
ตามล�
ำดั
บ
ในช่
วงเวลาอั
นยาวนานที่
ผ่
านมา อาจกล่
าวได้
ว่
า ความรู้
ใหม่
เกี่
ยวกั
บ
วั
ฒนธรรมในทุ
กพื้
นที่
ของประเทศมี
เพิ่
มขึ้
นอย่
างมากมาย ทั้
งนี้
เพราะว่
ามี
ผู้
สนใจ