งานวิจัยวัฒนธรรมภาคกลาง
175
สั
งเกตประกอบการสั
มภาษณ์ จะท�
ำให้เห็
นพฤติ
กรรมที่
เป็นจริ
งมากขึ้
น นอกจากนี้
ในปัจจุบันการเอาชุมชนเป็นหน่วยวิเคราะห์ที่ตายตัวอาจจะไม่เหมาะสมกับความ
ลื่
นไหลของผู้
คน และการแสวงหาแบบแผนและเอกภาพของชุ
มชนมากไปก็
อาจจะ
ท�
ำให้เกิ
ด “ภาพลวงตา” ได้ น่าจะพิ
จารณาความหลากหลายในชุ
มชนด้วย
แม้
ว่
าเริ่
มมี
งานศึ
กษาการปรั
บตั
วทางวั
ฒนธรรมบ้
างแล้
วแต่
ยั
งไม่
มาก
เพี
ยงพอ เรื่
องนี้
เป็
นเรื่
องส�
ำคั
ญเพราะชุ
มชนชาติ
พั
นธุ
์
ส่
วนใหญ่
เหล่
านี้
เผชิ
ญหน้
า
กั
บกระแสโลกาภิ
วั
ฒน์
ทั้
งในฐานะที่
เป็
นสั
งคมชาวนาและเป็
น “กลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
”
ซึ่งแตกต่
างจากสังคมใหญ่
ท�
ำให้มีประเด็นน่
าสนใจว่
า แล้วกลุ่
มชาติพันธุ์เหล่านี้
จะมี
ความแตกต่
างมากน้
อยเพี
ยงใด ในเรื่
องกลไกทางวั
ฒนธรรมที่
จะปรั
บตั
ว
กั
บการเปลี่
ยนแปลงที่
เกิ
ดขึ้
น
จึ
งเป็
นที่
น่
าสั
งเกตว่
า ประเด็
นจิ
ตส�
ำนึ
กและอั
ตลั
กษณ์
ชาติ
พั
นธุ์
ในบริ
บทของ
รั
ฐไทยดูจะยั
งไม่
เป็
นที่
สนใจของนั
กวิ
จั
ยนั
ก ซึ่
งอาจจะเป็
นเพราะว่
าไม่
มี
ปรากฎการณ์
โดดเด่นในภาคกลาง อย่างไรก็ตามก็ควรมีการศึกษาความเป็นชาติพันธุ์ของกลุ่ม
ต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ส�ำคัญในการเข้าใจกลุ่มชาติพันธุ์เพิ่มเติมไปจากการศึกษา
แต่
ชุ
มชนชาติ
พั
นธุ์
ด้
วย นอกจากนี้
ความหลากหลายในเรื่
องจิ
ตส�
ำนึ
กและอั
ตลั
กษณ์
ชาติ
พั
นธุ์ควรได้รั
บการพิ
จารณาอย่างถ่องแท้ต่อไป