บทที่ 5
พลังวัฒนธรรมในศิลปะอีสาน
ชลิ
ต ชัยครรชิ
ต
5.1 บทน�ำ
ตลอดช่
วงหลายทศวรรษที่
ผ่
านมา “วั
ฒนธรรม” ได้
ถูกนิ
ยามในความหมาย
ที่
หลากหลาย นั
บตั้
งแต่ความหมายของความเจริ
ญงอกงาม มาจนถึ
งกระบวนการ
ทางความคิ
ด ความรู้
และสิ่
งที่
เป็
นผลผลิ
ตทางสั
งคม การที่
มี
นิ
ยามมากมายเช่
นนี้
ไม่
ได้หมายความว่ามั
นขั
ดแย้งกั
น นิ
ยามส่วนมากจะคล้ายๆ กั
น และอาจแบ่งออกได้
เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คื
อ การนิ
ยามวัฒนธรรมว่าเป็นสิ่
งมี
ตั
วตน (realistic) ส่วนอี
ก
ประเภทหนึ่
งจะนิ
ยามวั
ฒนธรรมว่าเป็นวั
ฒนธรรมในอุ
ดมคติ
ไม่มี
ตั
วตน (idealistic)
ค�ำว่า เรียลลิสติค (realistic) หมายถึงความคิดที่ว่าสิ่งต่างๆ อาจถือเป็นสิ่งที่มีอยู่
อย่
างอิ
สระและแตกต่
างไปจากความรู้
ความสามารถของสมองที่
รั
บความรู้
ไว้
ส่
วนค�
ำ
ว่
า ไอเดี
ยลิ
สติ
ค (idealistic) คื
อความคิ
ดที่
ว่
า ทุ
กสิ่
งทุ
กอย่
างเป็
นส่
วนหนึ่
งของความรู้
ของมนุ
ษย์
และของสมองที่
คิ
ดสร้
างมั
นขึ้
นมา วั
ฒนธรรมในอุ
ดมคติ
จะมาในรูปแบบ
ของแผนวั
ฒนธรรมต่
างๆ รวมทั้
งกฎเกณฑ์
ที่
เอามาจากพฤติ
กรรมที่
สั
งเกตเห็
นได้
วั
ฒนธรรมจึ
งเป็นการจั
ดระเบี
ยบของกฎเกณฑ์ข้อบั
งคั
บต่างๆ และของบรรทั
ดฐาน
ที่
มี
อยู่ในสมองของผู้สร้างวั
ฒนธรรม และได้ถ่ายทอดไปให้ลูกหลาน การให้ความ
หมายวัฒนธรรมว่าเป็นวัฒนธรรมในอุดมคตินั้
น เป็นการมองวัฒนธรรมว่าเป็นสิ่ง
ที่
ไม่มี
ตั
วตนเพราะมั
นเป็นนามธรรม