Previous Page  213 / 282 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 213 / 282 Next Page
Page Background

ทําเนียบคณะนักแสดงพื้นบาน

Directory of folk ensemble

๑๙๙

นอกจากเพลงพื้นบานภาคกลางจะมีลักษณะคําประพันธเปนกลอนหัวเดียวดังกลาวแลวเพลงพื้นบานบางเพลงอาทิ

เพลงแหล ใชคําประพันธแบบกลอนสุภาพ เปนตน

๑.๓ ดานการรองการเลน

รูปแบบการรองการเลนของเพลงพื้นบานมีความเรียบงาย ดังจะเห็นไดจาก

การรองการรําและองคประกอบอื่นๆ กลาวคือผูรองสามารถรองเพลงพื้นบานไดงายและสะดวก เพราะเพลงพื้นบานสวนใหญ

มักมีทํานองหลักทํานองเดียวและมีจังหวะหยุดที่แนนอน ผูรองจะรองเรื่อย ๆ ตามทํานอง บางครั้งอาจรองซํ้าคําซํ้าวรรค

ซํ้าไปซํ้ามา ซึ่งจะทําใหผูฟงรูสึกสนุกสนานและผูรองไดมีเวลาคิดเนื้อรองวรรคตอไปดวย

การรายรําหรือทําทาทางประกอบการรองเพลงพื้นบานก็มีรูปแบบงาย ๆ ไมเปนแบบแผนเครงครัด ไมตองฝกหัดมาก

อาศัยการจดจําก็รําไดเอง สวนใหญเปนทาที่เลียนแบบกิริยาอาการของมนุษย เชน ทาชี้นิ้ว ทาคอน ทาตี หรือทาพื้นฐานงาย ๆ

เชน ทาไป ทามา ทารัก เพลงพื้นบานบางเพลง เชน เพลงกลอมเด็กและเพลงแหล ไมมีการรําหรือทาทางประกอบ

เนนการรองเทานั้น นอกจากการรองการรําดังกลาวแลว องคประกอบอื่น ๆ ของการรองการเลนเพลงพื้นบานยังแสดงใหเห็นถึง

ความเรียบงาย ไดแก อุปกรณประกอบการเลน เวที เครื่องดนตรี และเครื่องแตงกาย ปจจุบันรูปแบบการเลนเพลงพื้นบาน

บางชนิดเปลี่ยนไปจากการเลนเปนการแสดง เชน เพลงอีแซวหรือลําตัด จัดเปนมหรสพอยางหนึ่งซึ่งมีลักษณะเปนการแสดง

ที่แยกผูรองกับผูฟงจากกัน ผูรองซึ่งฝกหัดมาโดยเฉพาะจะออกมาแสดงใหชม ดังนั้นองคประกอบตาง ๆ ในการรองเพลง

พื้นบานจึงแตกตางไป เชน มีการจัดฉาก เพิ่มแสงสีเสียง เพิ่มดนตรีประกอบ เชน ปพาทย กลองชุดหรือแตรวง ตลอดจน

การแตงกายที่สวยงามมีสีสันฉูดฉาดสะดุดตา แตสวนใหญยังคงรักษารูปแบบเดิม เชน นุงโจงกระเบน เปนตน

๒. เพลงพื้นบานเนนความสนุกสนานเปนหลัก

จุดประสงคของการเลนเพลงพื้นบานก็เพื่อความบันเทิงใจ เนื้อหา

ของเพลงพื้นบานสวนใหญจึงเปนเรื่องของความสุข ความสนุกสนาน ละเวนเรื่องทุกขโศก ไดแก ความรัก การเกี้ยวพาราสี

การเยาแหย การโตคารมชิงไหวชิงพริบของหนุมสาว ซึ่งมักจะเกี่ยวพันกับเรื่องเพศ การกลาวถึงเรื่องเพศในเพลงพื้นบาน

นั้นมีจํานวนมากและทําไดหลากหลายอาจกลาวดวยถอยคําตรงไปตรงมา ซึ่งเรียกวา “กลอนแดง” หรือหลีกเลี่ยงดวยการ

หยุดรองเฉพาะคํานั้น ๆ เวนวรรคไวใหผูฟงเติมเองในใจซึ่งเรียกวา “หักขอรอ” เชน

นองจะนองจาดูหมาใหพี่ดวย

จะปลอยใหหมากัด....พี่ชาย

เพื่อนพี่นี้มันมาซวย

มาโดนหมากัด....จนรองไห

(ชินกร ไกรลาศ ,บรรยาย)

บางครั้งก็ใชการสับเสียงสระและพยัญชนะสะกดของพยางคตนกับพยางคทาย ซึ่งเรียกวา“การผวนคํา” เชน

นั่งเลนลอลอกอนที่หอกระเด็น

ลมพัดเย็นเย็นที่บานหลังใหญ

ไปกินขาวกินปลากินสุราบุหรี่

ยํามะมวงหอยหมีเกรียมไวแกลมใหมใหม

(บัวผัน สุพรรณยศ ๒๕๓๕ : ภาคผนวก)

ดินสีพองแลวแปง

ผง

ยังไมทันฝน

ลง

รัก

ละลาย

นองรักพี่เผื่อเลือกรักเกือกกัน

หนาม

รักคันนากั้น

นํ้า

หรือแมสาวเมือง

ใน

(สมบูรณ สุพรรณยศ , สัมภาษณ)

OOOO

O

OOO

O

OOO

O

OOOOOO

O

OOOO

O

OOOO

O

ดินสีพองแล้วแป้ง

ผง

ยังไม่ทันฝน

ลง

รัก

ละลาย

น้องรักพี่เผื่อเลือกรักเกือกกัน

หนาม

รักคันนากั้น

น ้า

หรือแม่สาวเมือง

ใน

( สมบูรณ์ สุพรรณยศ , สัมภาษณ์ )

นอกจากเพลงพื้นบ้านภ คกลางจะมีลักษณะคาประพันธ์เป็นกลอนหัวเดียวดังกล่าวแล้วเพลง

พื้นบ้านบางเพลงอาทิ เพลงแหล่ ใช้คาประพันธ์แ บกลอนสุภาพ เป็นต้น

๑.๓ ด้านการร้องการเล่น

รูปแบบการร้องการเล่นของเพลงพื้นบ้านมีความเรียบง่าย ดังจะ

เห็นได้จากการร้องการราและองค์ประกอบอื่นๆ กล่าวคือผู้ร้องสามารถร้องเพลงพื้นบ้านได้ง่ายและสะดวก

เพราะเพลงพื้นบ้านส่วนใหญ่มักมีทานองหลักทานองเดียวและมีจังหวะหยุดที่แน่นอน ผู้ร้องจะร้องเรื่อย ๆ

ตามทานอง บางครั้งอาจร้องซ้าคาซ้าวรรค ซ้าไปซ้ามา ซึ่งจะทาให้ผู้ฟังรู้สึกสนุกสนานและผู้ร้องได้มีเวลาคิด

เนื้อร้องวรรคต่อไปด้วย

การร่ายราหรือทาท่าทางประกอบการร้องเพลงพื้นบ้านก็มีรูปแบบง่าย ๆ ไม่เป็นแบบแผนเคร่งครัด

ไม่ต้องฝึกหัดมาก อาศัยการจดจาก็ราได้เอง ส่วนใหญ่เป็นท่าที่เลียนแบบกิริยาอาการของมนุษย์ เช่น ท่าชี้นิ้ว

ท่าค้อน ท่าตี หรือท่าพื้นฐานง่าย ๆ เช่น ท่าไป ท่ามา ท่ารัก เพลงพื้นบ้านบางเพลง เช่น เพลงกล่อมเด็กและ

เพลงแหล่ ไม่มีการราหรือท่าทางประกอบเน้นการร้องเท่านั้น นอกจากการร้องการราดังกล่าวแล้ว

องค์ประกอบอื่น ๆ ของการร้องการเล่นเพลงพื้นบ้านยังแสดงให้เห็นถึงความเรียบง่าย ได้แก่ อุปกรณ์

ประกอบการเล่น เวที เครื่องดนตรี และเครื่องแต่งกาย ปัจจุบันรูปแบบการเล่นเพลงพื้นบ้านบางชนิดเปลี่ยนไป

จากการเล่นเป็นการแสดง เช่น เพลงอีแซวหรือลาตัด จัดเป็นมหรสพอย่างหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นการแสดงที่

แยกผู้ร้องกับผู้ฟังจากกัน ผู้ร้องซึ่งฝึกหัดมาโดยเฉพาะจะออกมาแสดงให้ชม ดังนั้นองค์ประกอบต่าง ๆ ในการ

ร้องเพลงพื้นบ้านจึงแตกต่างไป เช่น มีการจัดฉาก เพิ่มแสงสีเสียง เพิ่มดนตรีประกอบ เช่น ปี่พาทย์ กลองชุด

หรือแตรวง ตลอดจนการแต่งกายที่สวยงามมีสีสันฉูดฉาดสะดุดตา แต่ส่วนใหญ่ยังคงรักษารูปแบบเดิม เช่น

นุ่งโจงกระเบน เป็นต้น

๒. เพลงพื้นบ้านเน้นคว มสนุกสนานเป็นหลัก

ุด ระสงค์ของ ารเล่นเพลงพื้นบ้านก็เพื่อความ

บันเทิงใจ เนื้อหาของเ ลงพื้นบ้านส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องของความสุข ความสุ กสนาน ละเว้นเรื่องทุกข์โศก

ได้แก่ ความรัก การเกี้ยวพาราสี การเย้าแหย่ การโต้คารมชิงไหวิ งพิ บของหนุ่มสาว ซึ่งมักจะเกี่ยวพันกับ

เรื่องเพศ กา กล่าวถึงเรื่องเพศในเพ งื้ นบ้า นั้นมีจานวนม กและทาได้หลากหลายอาจ ล่าวด้วยถ้อย า

ตรงไปตรงมา ซึ่งเรียกว่า “กลอนแดง” หื อหลีกเลี่ยงด้วยการหยุดร้องเฉพาะคาั้ น ๆ เว้นวรรคไว้ให้ผู้ฟังเติม

เองในใจซึ่งเรียกว่า “หักข้อรอ” เช่น

น้องจ๊ะน้องจ๋าดูหมาให้พี่ด้วย จะปล่อยให้หมากัด....พี่ชาย

เพื่อนพี่นี้มันมาซวย

มาโดนหมากัด....จนร้องไห้ (ชินกร ไกรลาศ ,บรรยาย)

บางครั้งก็ใช้การสับเสียงสระและพยัญชนะสะกดของพยางค์ต้นกับพยางค์ท้าย ซึ่งเรียกว่า“การผวนคา” เช่น