ลอยกระทง
23
ในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นช่วงที่บ้านเมือง
มั่นคง การศึกสงครามลดลงเกือบหมด การค้าก็มั่งคั่งขึ้น โดยเฉพาะ
กับจีน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้ฟื้นฟู
ประเพณีพิธีกรรมสำ�คัญเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของราชอาณาจักร
และด้วยความจำ�เป็นในด้านอื่น ๆ อีก จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์
หนังสือ
ตำ�ราท้าวศรีจุฬาลักษณ์
หรือ
นางนพมาศ
ขึ้นมา โดย
สมมุติให้ฉากของเรื่องเกิดขึ้นในยุคพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย ซึ่งตำ�รา
ดังกล่าวได้พูดถึงนางนพมาศว่าเป็นพระสนมเอกของพระร่วง ที่ได้
คิดประดิษฐ์กระทงใบตองเป็นรูปดอกบัวกมุทขึ้น ด้วยเห็นว่าเป็น
ดอกบัวพิเศษที่บานในเวลากลางคืนเพียงปีละครั้ง สมควรทำ�เป็น
กระทงแต่งประทีป ลอยไปถวายสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งเมื่อ
พระร่วงเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นก็รับสั่งถามถึงความหมาย นางก็ได้
ทูลอธิบายจนเป็นที่พอพระราชหฤทัย พระองค์จึงมีพระราชดำ�รัสว่า
“
แต่นี้สืบไปเบื้องหน้าโดยลำ�ดับ กษัตริย์ในสยามประเทศ
ถึงกาลกำ�หนดนักขัตฤกษ์ วันเพ็ญเดือน ๑๒ ให้ทำ�โคมลอยเป็น
รูปดอกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานที ตราบเท่า
กัลปาวสาน
” ด้วยเหตุนี้ จึงเกิด
กระทง
ทำ�ด้วยใบตองแทน
วัสดุอื่น ๆ แล้วนิยมใช้ลอยกระทงมาแต่คราวนั้นตราบจนทุกวันนี้
รวมถึงการทำ�
กระทงเป็นรูปดอกบัว
ซึ่งตำ�ราท้าวศรีจุฬาลักษณ์
หรือนางนพมาศนี้ กรมพระยาดำ�รงราชานุภาพทรงเชื่อว่าเป็น
พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว