18
ชาวไทยลื้
อในประเทศไทยปั
จจุ
บั
น เป็
นลู
กหลานของชาวไทลื้
อจากอาณาจั
กรสิ
บสองปั
นนา ซึ่
งอพยพย้
าย
ถิ่
นฐานเข้
ามาอาศั
ยอยู่
ในประเทศไทยหลายระลอก ระลอกแรกมาจากเมื
องลวง (อยู่
ทางทิ
ศตะวั
นตกเฉี
ยงใต้
ของ
เชี
ยงรุ่
ง) ในสมั
ยพระยาสามฝั
่
งแกนแห่
งอาณาจั
กรล้
านนา กลุ่
มนี้
ตั้
งรกรากอยู่
บนที่
ราบทางตะวั
นตกของตั
วอำ
�เภอ
ดอยสะเก็
ด จั
งหวั
ดเชี
ยงใหม่
ซึ่
งปั
จจุ
บั
นคื
อบ้
านลวงเหนื
อและบ้
านลวงใต้
อำ
�เภอดอยสะเก็
ด ระลอกที่
สองมาในสมั
ย
รั
ตนโกสิ
นทร์
ตอนต้
นจากหลายเมื
องของสิ
บสองปั
นนา และแยกเป็
นสองสาย สายแรกมากั
บพระยากาวิ
ละ เจ้
านคร
เชี
ยงใหม่
สายนี้
มาตั้
งถิ่
นฐานอยู่
หลายอำ
�เภอในจั
งหวั
ดลำ
�พู
น สายที่
สองมากั
บเจ้
าเมื
องน่
านภายหลั
งสายแรกไม่
นานนั
ก
และส่
วนมากอาศั
ยอยู่
ใกล้
ๆแม่
นํ้
าโขง ตั้
งแต่
อำ
�เภอเชี
ยงของ จั
งหวั
ดเชี
ยงราย ลงมาจนถึ
งหลายอำ
�เภอในจั
งหวั
ดน่
าน
ต่
อมาชาวไทลื้
อหลายกลุ่
มจากหลายแห่
งในจั
งหวั
ดน่
านได้
อพยพไปทางตะวั
นตกและตั้
งถิ่
นฐานเป็
นการถาวรเป็
น
หมู่
บ้
านๆ ในเขตอำ
�เภอเชี
ยงม่
วน ในขณะที่
กลุ่
มที่
เหลื
อซึ
่
งมี
จำ
�นวนมากกว่
าอพยพต่
อไปอี
กจนได้
เป็
นเจ้
าของพื้
นที่
เกื
อบทั้
งหมดของอำ
�เภอเชี
ยงคำ
� จั
งหวั
ดพะเยาตราบจนปั
จจุ
บั
น
ระลอกที่
สาม เข้
ามาหลั
งจี
นเปลี่
ยนแปลงระบอบการปกครอง ระลอกนี้
มากั
นเองเป็
นกลุ
่
มเล็
กบ้
าง กลุ่
มใหญ่
บ้
าง
และทยอยมาหลายทาง ถิ่
นฐานในประเทศไทยจึ
งค่
อนข้
างกระจั
ดกระจาย แต่
พบเป็
นกลุ่
มที่
ชั
ดเจน ในอำ
�เภอที
่
อยู่
ติ
ดชายแดนทางทิ
ศเหนื
อ เช่
น อำ
�เภอแม่
สาย อำ
�เภอเชี
ยงแสน อำ
�เภอแม่
จั
นและอำ
�เภอเมื
องในจั
งหวั
ดเชี
ยงราย
และ อำ
�เภอแม่
อาย จั
งหวั
ดเชี
ยงใหม่
เป็
นต้
น
ชาวไทยลื้
อในประเทศไทยได้
นำ
�มรดกทางวั
ฒนธรรมจากบ้
านเกิ
ดเมื
องนอนเดิ
มของตนมาผลิ
ตซํ้
า และพั
ฒนา
จนกล่
าวได้
ว่
า บางอย่
างมี
ความก้
าวหน้
ามากกว่
าที่
เคยมี
ในถิ่
นกำ
�เนิ
ด โดยเฉพาะอย่
างยิ่
ง การทอผ้
า ซึ่
งผลงานที่
มี
ชื่
อเสี
ยงของภาคเหนื
อตอนบน เป็
นของชาวไทยลื้
อเป็
นจำ
�นวนมาก
นอกจากนี้
การขั
บลื้
อก็
เป็
นศิ
ลปะการแสดงที่
สำ
�แดงลั
กษณะเฉพาะของชาวไทยลื้
อเช่
นกั
น แต่
เมื่
อเวลาล่
วงเลยไป
บริ
บททางสั
งคมซึ่
งไม่
เหมื
อนเดิ
มอยู่
แล้
วได้
เปลี่
ยนแปลงไปเรื่
อยๆอย่
างรวดเร็
ว ประกอบกั
บชาวไทยลื้
อเองต้
องการเป็
น
ที่
ยอมรั
บในฐานะพลเมื
องไทยมากขึ้
น การขั
บลื้
อจึ
งเริ่
มลดน้
อยลงจนกระทั่
งไม่
มี
บทบาทอี
กเลย ในบางแห่
ง
ลั
กษณะ ขั้
นตอน พิ
ธี
กรรมและจารี
ตในการขั
บลื้
อ
ขั
บลื้
อเป็
นเพลงปฏิ
พากย์
ที่
มี
ช่
างขั
บ ชายกั
บหญิ
งผลั
ดกั
นขั
บคนละบท ระหว่
างการขั
บมี
ช่
างปี่
เป่
าปี่
คลอการ
ขั
บตั้
งแต่
ต้
นจนจบ บทขั
บมี
ชื่
อเรี
ยกเป็
นภาษาไทยลื้
อว่
า ค่
าวขั
บ หรื
อ คำ
�ขั
บ มี
ลั
กษณะเป็
นคำ
�ประพั
นธ์
ที่
มี
วรรคตอน
และมี
สั
มผั
สระหว่
างวรรค วรรคหนึ่
งๆ อาจมี
จำ
�นวนคำ
�ไม่
ถึ
ง ๑๐ คำ
� หรื
อมี
มากกว่
า ๑๐ คำ
�ก็
ได้
โดยไม่
มี
หน้
าทั
บหรื
อ
ระบบจั
งหวะกำ
�หนดจำ
�นวนห้
องเพลงของแต่
ละวรรค คำ
�สุ
ดท้
ายของแต่
ละวรรคจะสั
มผั
สกั
บคำ
�ใดคำ
�หนึ่
ง ของวรรค
ถั
ดไป เป็
นเช่
นนี้
เป็
นทอดๆไปจนจบบท ดั
งแผนภู
มิ
ของบทขั
บที่
มี
๖ วรรคต่
อไปนี้