Page 24 - dcp6

Basic HTML Version

13
ขณะนั้
นเจ้
าเมื
องกำ
�ลั
งป่
าวประกาศหาผู้
วิ
เศษมาชุ
บชี
วิ
ตพระธิ
ดาซึ
งเพิ่
งถู
กงู
กั
ดโดยประกาศว่
าใครรั
กษาหายจะ
แบ่
งเมื
องให้
ครองครึ่
งหนึ่
งและจะยกพระธิ
ดาให้
อรพิ
มพ์
หนุ่
มสามารถรั
กษานางได้
แต่
บ่
ายเบี่
ยงไม่
รั
บพระธิ
ดาแต่
กลั
ขอบวชเป็
นพระภิ
กษุ
ในพุ
ทธศาสนาจนได้
เป็
นพระสั
งฆราชแห่
งนครพาราณสี
ได้
สร้
างศาลาโรงทานและเขี
ยนภาพเล่
เรื่
องชี
วิ
ตของตนกั
บพระปาจิ
ต โดยสั่
งทหารให้
เฝ้
าดู
ว่
าหากมี
นั
กเดิ
นทางมาเห็
นภาพแล้
วร้
องไห้
ให้
ตามนางไปพบ
ในที่
สุ
ดพระปาจิ
ตก็
เดิ
นทางมาพั
กที่
ศาลาโรงทานดั
งที่
นางหวั
ง ทั้
งสองได้
พบกั
น ต่
างก็
เล่
าเรื่
องให้
ฟั
งและเมื่
อทั้
คู่
ยั
งคงมี
ความรั
กต่
อกั
น นางได้
อธิ
ษฐานคื
นร่
างเป็
นหญิ
งและลาเจ้
าเมื
องพาราณสี
กลั
บไปเมื
องอิ
นทปั
ตถ์
กั
บพระปาจิ
นิ
ทานเรื่
อง
พระปาจิ
ต-นางอรพิ
มพ์
ได้
มี
การเขี
ยนเป็
นลายลั
กษณ์
อั
กษรไว้
ใน
ปั
ญญาสชาดก
เมื่
อต้
พุ
ทธศตวรรษที่
๒๐ โดยพระภิ
กษุ
ล้
านนาได้
รวบรวมนิ
ทานชาดกและนิ
ทานพื้
นบ้
านที่
แพร่
หลายในท้
องถิ่
นแต่
งขึ้
นใหม่
เป็
นภาษาบาลี
ให้
ชื่
อว่
ปาจิ
ตตกุ
มารชาดก
เรื่
องนี้
มิ
ใช่
ชาดกที่
มาจากอรรถกถาชาดกหากมาจากนิ
ทานพื้
นเมื
อง ที่
แต่
เติ
มให้
ตั
วเอกกลายเป็
นพระโพธิ
สั
ตว์
แต่
บทบาทสำ
�คั
ญอยู่
ที่
นางเอก ดั
งในต้
นเรื่
องกล่
าวถึ
งสาเหตุ
ที่
มาว่
า เหล่
าพระภิ
กษุ
ทู
ลถามพระพุ
ทธเจ้
าว่
าพระนางพิ
มพาเมื่
อบรรพชาแล้
วสวยกว่
าก่
อนอยู่
ในเพศสมณะ พระพุ
ทธเจ้
า จึ
งตอบว่
า ในอดี
ชาติ
พระนางพิ
มพาก็
เป็
นเช่
นนี้
แล้
วจึ
งเล่
าเรื่
องในชาติ
ที่
นางไปเกิ
ดเป็
นนางอรพิ
มพ์
ต่
อมาแปลงเพศเป็
นชายใช้
ชื่
อของ
สามี
ว่
าปาจิ
ตตกุ
มาร นางได้
เป็
นสั
งฆราชาในเมื
องจั
มปากนคร ได้
โน้
มน้
าวให้
ปาจิ
ตตกุ
มารผนวช เป็
นภิ
กษุ
ในพระพุ
ทธ
ศาสนาหากอยากได้
พบนางอรพิ
มพ์
อี
กครั้
งหนึ่
งให้
ฟั
ง  
โครงเรื่
องและเนื้
อเรื่
องส่
วนใหญ่
คล้
ายคลึ
งกั
น ต่
างกั
นที่
รายละเอี
ยด เช่
น ในสำ
�นวนลายลั
กษณ์
นางเป็
นหญิ
งเจ้
อุ
บายสั
งหารคู่
ศั
ตรู
ด้
วยตนเอง ในนิ
ทานท้
องถิ่
นนางเป็
นที่
มาของชื่
อพื
ชพรรณไม้
ต่
างๆ และโบราณสถานในเขตจั
งหวั
นครราชสี
มา ส่
วนพระปาจิ
ตก็
เป็
นที่
มาของชื่
อบ้
านนามเมื
องต่
างๆ ในเขตจั
งหวั
ดบุ
รี
รั
มย์
โดยเฉพาะที่
ปราสาทหิ
นพิ
มาย
อำ
�เภอพิ
มาย จั
งหวั
ดนครราชสี
มา เป็
นสถานที่
ที่
ผู
กพั
นอยู่
กั
บนิ
ทานเรื่
องนี้
ปราสาทหิ
นพิ
มาย สร้
างเมื่
อราวพุ
ทธ
ศตวรรษที่
๑๖-๑๗ เนื่
องในพุ
ทธศาสนามหายานและฮิ
นดู
ปะปนกั
น มี
ผู้
คนอยู่
อาศั
ยต่
อเนื่
อง กั
นมาตลอด ต่
อมาจึ
เป็
นศู
นย์
กลางอำ
�นาจทางการเมื
องและความเชื่
อสำ
�คั
ญของอาณาจั
กรกั
มพู
ชาที่
ขยายเข้
าปกครอง ดิ
นแดนใต้
แม่
นํ้
มู
ลทั้
งหมดในต้
นพุ
ทธศตวรรษที่
๑๘
ตามนิ
ทานพระเจ้
าพรหมทั
ตเป็
นเจ้
าของปราสาท แต่
ชาวบ้
านทั
วไปเรี
ยกว่
“ปราสาทหิ
นพระนางอรพิ
มพ์
ดั
งหลั
กฐานที่
แอมโนนิ
เย นั
กสำ
�รวจชาวฝรั่
งเศสผู้
เดิ
นทางเข้
ามาสำ
�รวจหาหลั
กศิ
ลาจารึ
กและโบราณวั
ตถุ
ต่
างๆในภาค
อี
สานของไทยได้
บั
นทึ
กไว้
ในหนั
งสื
บั
นทึ
กการเดิ
นทางในลาวภาคสองพ.ศ.๒๔๔๐
ว่
“ .. วั
นที
๘ กุ
มภาพั
นธ์
ก่
อน
เที่
ยงเล็
กน้
อยพวกเขาก็
ไปถึ
งบ้
าน
นางหอระพิ
(Ban Nang Hor Phim) ซึ่
งเป็
นหมู่
บ้
านของคนสยาม มี
กระท่
อมอยู่
๑๓ หลั
ง ตั้
งอยู่
บนเนิ
นดิ
นสู
งซึ่
งมี
นิ
ทานเรื่
องนางหอระพิ
ม ซึ่
งอยู่
ในหนั
งสื
อของเขมร เรื่
อง ชะตาของพระเจนกุ
มาร
(Sata de Preah chen Kaumar) หมู่
บ้
านแถบนี้
มี
ประชากรพู
ดภาษาสยามแต่
อาจมี
กำ
�เนิ
ดมาจากเขมร... โดยเฉพาะ
ที่
พิ
มายประชากรมี
ผิ
วคลํ้
ามี
เชื้
อสายเขมรแต่
มี
ภาษาและจารี
ตประเพณี
เป็
นคนสยาม”
นอกจากนี้
เขายั
งได้
เล่
าเรื่
อง
ที่
มาของปราสาทหิ
นพิ
มายว่
าสร้
างก่
อนปราสาทวั
ดพนมวั
น โดยนางหอระเพี
ยม (ออกเสี
ยงแบบเขมร) ได้
พนั
น กั
พระเทวทั
ตแข่
งกั
นสร้
างในเวลาคื
นเดี
ยว