Page 136 - dcp3

Basic HTML Version

125
กระจั
งติ
ดรั
ดด้
วยกาบกล้
วย บนยอดบายศรี
มี
ถ้
วยหรื
อกระทง
สำ
�หรั
บบรรจุ
ข้
าวและขนม ๑๒ อย่
าง และปั
กเที
ยนส่
วนใหญ่
จะนั
บจำ
�นวนชั
นเป็
นเลขคี
เสมอ บายศรี
ภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
หรื
อภาคอี
สาน ภาษาถิ่
นจะเรี
ยกว่
า “พาขวั
ญ” หรื
“พานพาขวั
ญ” ส่
วนใหญ่
ใช้
ประกอบการทำ
�ขวั
ญเหมื
อนกั
ภาคอื่
นๆ กล่
าวคื
อ จะใช้
ทำ
�พิ
ธี
ทำ
�ขวั
ญให้
กั
บคน สั
ตว์
และ
สิ่
งของ เช่
น ได้
เรื
อนใหม่
(ขึ้
นบ้
านใหม่
) ทำ
�ขวั
ญให้
เกวี
ยน
ทำ
�ขวั
ญให้
วั
วควาย ทำ
�ขวั
ญให้
คนป่
วย ตลอดจนต้
อนรั
บแขก
ผู้
มาเยื
อนบายศรี
ภาคกลาง จะเป็
นที่
รู้
จั
กกั
นในนามของบายศรี
ที่
ใช้
ใน
ราชสำ
�นั
ก เกี่
ยวกั
บสถาบั
นพระมหากษั
ตริ
ย์
และบายศรี
ที่
ใช้
ทั่
วไป สามารถ
แบ่
งได้
๒ ลั
กษณะ คื
อ บายศรี
ของราษฎร์
ได้
แก่
บายศรี
ปากชาม บายศรี
ใหญ่
หรื
อบายศรี
ต้
น บางท้
องที่
เรี
ยกบายศรี
ตั้
งหรื
อบายศรี
ชั้
น ส่
วนใหญ่
ใช้
ในงาน
บวชนาค โกนผมไฟหรื
อโกนจุ
ก และมี
บายศรี
ในพิ
ธี
กรรมในการเซ่
นสรวง
บู
ชาเทพเจ้
าในศาสนาพราหมณ์
เช่
น บายศรี
ตอ บายศรี
เทพ บายศรี
พรหม
บายศรี
ของหลวงในราชสำ
�นั
ก ได้
แก่
บายศรี
ในพระราชพิ
ธี
ต่
างๆ อั
นเกี่
ยว
เนื่
องกั
บพระราชพิ
ธี
ต่
างๆ จั
ดขึ้
นตามโบราณราชประเพณี
ซึ่
งมี
กฏเกณฑ์
ที่
แน่
นอนระบุ
ไว้
อย่
างชั
ดเจน บายศรี
ของหลวงในงานพระราชพิ
ธี
ต่
างๆ ใน
ปั
จจุ
บั
นมี
๓ ลั
กษณะ ได้
แก่
(๑) บายศรี
ต้
นทำ
�เป็
นบายศรี
ต้
องมี
แป้
นไม้
เป็
โครงแบ่
งเป็
นชั้
น ๓ ชั้
น ๕ ชั้
น ๗ ชั้
น และ ๙ ชั้
น (๒) บายศรี
แก้
วเงิ
นทอง เป็
บายศรี
ที่
ทำ
�ด้
วยวั
สดุ
๓ ชนิ
ด คื
อ แก้
วเงิ
นทอง ใช้
ในพระราชพิ
ธี
ขนาดใหญ่
ในพระราชพิ
ธี
สมโภชเวี
ยนเที
ยนในพระที่
นั่
งภายในพระบรมมหาราชวั
เช่
น พระราชพิ
ธี
สมโภชเครื่
องราชกุ
กธภั
ณฑ์
ในพระราชพิ
ธี
ฉั
ตรมงคล สมโภชพระราชพิ
ธี
เปลี่
ยนเครื่
องทรงพระพุ
ทธ
มหามณี
รั
ตนปฏิ
มากรพระแก้
วมรกต เป็
นต้
น (๓) บายศรี
ตองรองทองขาว ส่
วนใหญ่
ใช้
ในพระราชพิ
ธี
สมโภชเดื
อนและ
ขึ้
นพระอู่
จะใช้
ตั้
งคู่
กั
บบายศรี
แก้
วเงิ
น ทอง สำ
�รั
บใหญ่
ปั
จจุ
บั
นช่
างทำ
�บายศรี
ยั
งคงพบเห็
นทั่
วไปในชุ
มชนต่
างๆ ทั่
วภู
มิ
ภาคของประเทศไทย ส่
วนใหญ่
เป็
นผู้
สู
งอายุ
ใน
ชุ
มชน หากแต่
การประดิ
ษฐ์
บายศรี
ได้
ถู
กประยุ
กต์
ดั
ดแปลงให้
เข้
ากั
บยุ
คสมั
ยสั
งคมปั
จจุ
บั
นมากขึ้
บายศรี
ได้
รั
บการขึ้
นทะเบี
ยนเป็
นมรดกภู
มิ
ปั
ญญาทางวั
ฒนธรรมของชาติ
ประจำ
�ปี
พุ
ทธศั
กราช ๒๕๕๖