Page 77 - dcp2

Basic HTML Version

66
ข้
าวหอมมะลิ
เป็
นพั
นธุ์
ข้
าวเจ้
าที่
ได้
รั
บการยกย่
องว่
าอร่
อยที่
สุ
ด ได้
รั
บรางวั
ลชนะเลิ
ศการประกวดทั้
งระดั
บเอเชี
และระดั
บโลก ชาวนาไทยท้
องถิ่
นต่
างๆ นิ
ยมเพาะปลู
กสื
บต่
อกั
นมาแต่
โบราณในชื่
อของ
“ข้
าวหอม”
ซึ่
งมี
อยู่
หลายชนิ
เช่
น ข้
าวหอมจั
นทน์
(ใต้
) ข้
าวหอมคลองหลวง (กลาง) ข้
าวหอมแดง (กลาง) ข้
าวหอมพิ
ษณุ
โลก (เหนื
อ) ข้
าวหอมนางมณฑา
(กลาง) ข้
าวหอมมะลิ
(ภาคตะวั
นออก) ฯลฯ
ข้
าวหอมมะลิ
เป็
นพื
ชใบเลี้
ยงเดี่
ยว วงศ์
Gramineae ตระกู
ล Oryza อยู่
ในกลุ่
มข้
าวปลู
กที่
มี
ชื่
อเรี
ยกเฉพาะว่
า Sativa
เป็
นสายพั
นธุ์
ข้
าวเจ้
าเมล็
ดยาว (Indica)
เล่
ากั
นว่
าข้
าวหอมมะลิ
เป็
นพั
นธุ์
ข้
าวที่
นายจรู
ญ ตั
นฑวุ
ฒิ
ชาวนาตำ
�บลแหลมประดู่
อำ
�เภอพนั
สนิ
คม จั
งหวั
ดชลบุ
รี
ได้
ใช้
ภู
มิ
ปั
ญญาในวั
ฒนธรรมข้
าวคั
ดเลื
อกสายพั
นธุ์
ข้
าวไว้
เพาะปลู
กในปี
ต่
อไปจนพบข้
าวพั
นธุ์
ใหม่
โดยบั
งเอิ
ญในปี
พ.ศ.
๒๔๘๘ จึ
งตั้
งชื่
อข้
าวพั
นธุ์
ใหม่
ตามลั
กษณะเด่
นที่
มี
กลิ่
นหอมว่
“ข้
าวหอมมะลิ
จนมี
เสี
ยงเล่
าลื
อว่
า เป็
นข้
าวที่
“เมล็
ดสวย
เรี
ยว ยาว ขาว ใส นุ่
ม นวล อร่
อย หอม”
ในปี
พ.ศ. ๒๔๙๔ ขุ
นทิ
พย์
กำ
�นั
นตำ
�บลท่
าทองหลาง อำ
�เภอบางคล้
า จั
งหวั
ฉะเชิ
งเทรา ได้
นำ
�ไปปลู
กในนาของตน ต่
อมาจึ
งขยายพั
นธุ์
สู่
ชุ
มชน ขุ
นทิ
พย์
ได้
แนะนำ
�ข้
าวหอมมะลิ
ให้
แก่
นายสุ
นทร สี
หะเนิ
พนั
กงานข้
าวของกรมวิ
ชาการเกษตรประจำ
�อำ
�เภอบางคล้
าได้
รู้
จั
ก ซึ่
งได้
นำ
�ไปทดลองปลู
กเพื่
อพั
ฒนาสายพั
นธุ์
ที่
สถานี
ทดลองข้
าวโคกสำ
�โรง จั
งหวั
ดลพบุ
รี
ในปี
พ.ศ. ๒๔๙๖ จึ
งได้
ขยายผลนำ
�ไปทดลองปลู
กในภาคเหนื
อ และภาคตะวั
นออก
เฉี
ยงเหนื
อต่
อเนื่
องเป็
นเวลา ๖ ปี
ผลการทดลองพบว่
“ข้
าวหอมมะลิ
สายพั
นธุ์
๔-๒-๑๐๕”
ทนความแห้
งแล้
งได้
ดี
ชอบดิ
นร่
วนปนทรายและ
ชอบนานํ้
าฝน จึ
งเหมาะที่
จะปลู
กในภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อมากที่
สุ
ด คณะกรรมการคั
ดเลื
อกสายพั
นธุ์
จึ
งมี
มติ
รั
บรองผล
การทดลองและให้
ชื่
อว่
“ข้
าวขาวดอกมะลิ
๑๐๕”
ในปี
พ.ศ. ๒๕๐๒
ครั้
นถึ
งปี
พ.ศ. ๒๕๐๔ สถานี
ทดลองข้
าวจั
งหวั
ดสุ
ริ
นทร์
เริ่
มกระจายเมล็
ดพั
นธุ์
ข้
าวขาวดอกมะลิ
๑๐๕ สู่
ท้
องถิ่
แต่
ชาวนานิ
ยมเรี
ยกว่
“ข้
าวหอมมะลิ
เหมื
อนเดิ
มและกลายเป็
นข้
าวสายพั
นธุ
หลั
กที
ปลู
กในพื
นที
ส่
วนใหญ่
ของทุ
งกุ
ลาร้
องไห้
สื
บมา
ข้
าวหอมมะลิ
เป็
นพั
นธุ์
ข้
าวที่
ค้
นพบจากภู
มิ
ปั
ญญาของชาวนาไทยและทางราชการไทยได้
นำ
�ความรู้
ด้
านวิ
ทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี
มาพั
ฒนาสายพั
นธุ์
ให้
เหมาะสมกั
บการเพาะปลู
กมากขึ้
น จนกระทั่
งกลายเป็
นข้
าวที่
อร่
อยที่
สุ
ดและมี
ชื่
อเสี
ยง
มากที่
สุ
ดในปั
จจุ
บั
ข้
าวหอมมะลิ
ได้
รั
บการขึ้
นทะเบี
ยน
เป็
นมรดกภู
มิ
ปั
ญญาทางวั
ฒนธรรมของชาติ
ประจำ
�ปี
พุ
ทธศั
กราช ๒๕๕๖
ข้
าวหอมมะลิ
ภาพ : การทำ
�นาข้
าวหอมมะลิ
ของชาวยโสธร
ที่
มา : https://jasminericediv.files.wordpress.
com/2011/09/rice2520in2520
gunny2520bag2520copy1.png
เรี
ยบเรี
ยงโดย ผู้
ช่
วยศาสตราจารย์
เอี่
ยม ทองดี