Page 98 - บูรพศิลปิน58

Basic HTML Version

83
บู
รพศิ
ลปิ
น พ.ศ. ๒๕๕๘
พลตรี
หลวงวิ
จิ
ตรวาทการ
(กิ
มเหลี
ยง วั
ฒนปฤดา)
เกิ
๑๑ สิ
งหาคม พ.ศ. ๒๔๔๑ ที่
จั
งหวั
ดอุ
ทั
ยธานี
ถึ
งแก่
อนิ
จกรรม
๓๑ มี
นาคม พ.ศ. ๒๕๐๕
ยุ
คสมั
รั
ตนโกสิ
นทร์
(รั
ชกาลที่
๕ - รั
ชกาลที่
๙)
ประวั
ติ
และการทำ
�งาน
พลตรี
หลวงวิ
จิ
ตรวาทการ (วิ
จิ
ตร วิ
จิ
ตรวาทการ) นามเดิ
ม กิ
มเหลี
ยง วั
ฒนปฤดา เป็
นบุ
ตรนายอิ
น และนางคล้
าย
บิ
ดามารดามี
อาชี
พค้
าขาย อายุ
๘ ขวบเข้
าเรี
ยนที่
โรงเรี
ยนวั
ดขวิ
ด ตำ
�บลสะแกกรั
ง เมื่
อจบประถมศึ
กษา บิ
ดาได้
นำ
�ไป
ฝากให้
บวชสามเณรอยู่
กั
บพระมหาชุ้
ย วั
ดมหาธาตุ
ยุ
วราชรั
งสฤษฎิ์
ราชวรมหาวิ
หาร
เมื่
อ พ.ศ. ๒๔๕๓ ได้
ศึ
กษานั
กธรรมและบาลี
จนจบนั
กธรรมเอกและเปรี
ยญ ๕ ประโยค โดยสอบได้
เปรี
ยญ ๕
ประโยค เมื่
ออายุ
๑๙ ปี
ใน พ.ศ. ๒๔๕๙ สอบได้
เป็
นที่
๑ ของประเทศได้
รั
บประกาศนี
ยบั
ตรหมายเลข ๑ จากพระหั
ตถ์
ของพระบาทสมเด็
จพระมงกุ
ฎเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว และได้
รั
บความไว้
วางใจจากพระศรี
วิ
สุ
ทธิ
วงศ์
(เฮง เขมจารี
) ให้
เป็
นครู
สอนภาษาบาลี
อี
กด้
วย
พลตรี
หลวงวิ
จิ
ตรวาทการ เป็
นคนใฝ่
รู้
อย่
างยิ่
ง นอกจากเรี
ยนนั
กธรรมและบาลี
แล้
วยั
งเรี
ยนภาษาอั
งกฤษ
และฝรั่
งเศส จนมี
ความรู
ในภาษาทั้
ง ๒ เป็
นอย่
างดี
และได้
แปลพงศาวดารเยอรมั
นเป็
นไทยโดยใช้
นามปากกาว่
“แสงธรรม”
เมื่
ออายุ
๒๐ ปี
ได้
อุ
ปสมบทเป็
นภิ
กษุ
เพี
ยงเดื
อนเดี
ยวก็
ลาสิ
กขาออกมารั
บราชการที่
กองการกงสุ
ล กระทรวง
การต่
างประเทศ ทำ
�งานอยู่
เป็
นเวลา ๒ ปี
๓ เดื
อน จึ
งไปรั
บตำ
�แหน่
งผู้
ช่
วยเลขานุ
การ ประจำ
�สถานอั
ครราชทู
ตไทย
ณ กรุ
งปารี
ส ประเทศฝรั่
งเศส เป็
นเวลา ๖ ปี
แล้
วได้
ย้
ายไปประจำ
�การในสถานอั
ครราชทู
ตไทย ณ กรุ
งลอนดอน
สหราชอาณาจั
กร หลั
งจากนั้
นได้
กลั
บมาทำ
�งานที่
ประเทศไทยอี
พลตรี
หลวงวิ
จิ
ตรวาทการ ได้
ดำ
�รงตำ
�แหน่
งสำ
�คั
ญหลายตำ
�แหน่
ง เช่
น รั
ฐมนตรี
ว่
าการกระทรวง
การต่
างประเทศ เอกอั
ครราชทู
ตไทยในหลายประเทศ อธิ
บดี
กรมศิ
ลปากร รั
ฐมนตรี
ว่
าการกระทรวงการคลั
ง รั
ฐมนตรี
ว่
าการกระทรวงเศรษฐการ และยั
งเป็
“ปลั
ดบั
ญชาการ”
สำ
�นั
กนายกรั
ฐมนตรี
(เที
ยบเท่
าปลั
ดสำ
�นั
กนายกรั
ฐมนตรี
ในปั
จจุ
บั
นนี้
) เป็
นคนแรก และคนเดี
ยวในประวั
ติ
ศาสตร์
ไทยอี
กด้
วย เพราะก่
อนหน้
าที่
ท่
านจะได้
รั
บตำ
�แหน่
งนี
และ
หลั
งจากที่
ท่
านพ้
นตำ
�แหน่
งไปแล้
ว ไม่
มี
ตำ
�แหน่
งปลั
ดบั
ญชาการในสำ
�นั
กนายกรั
ฐมนตรี
มี
แต่
เพี
ยงตำ
�แหน่
งที่
เที
ยบเท่
ากั
ในชื่
ออื่
น อี
กทั้
งยั
งเป็
นการรั
บตำ
�แหน่
งในสมั
ยที่
มี
จอมพลสฤษดิ์
ธนะรั
ชต์
เป็
นนายกรั
ฐมนตรี
ซึ่
งจอมพลสฤษดิ์
ดำ
�รง
ตำ
�แหน่
งนายกฯ ได้
มาจากที่
กระทำ
�การรั
ฐประหาร จอมพล ป. พิ
บู
ลสงคราม ทั้
งที่
ท่
านมี
ภาพลั
กษณ์
ว่
าเป็
นผู้
ที่
สนิ
ทสนม
และรั
บใช้
จอมพล ป. มาก่
อน โดยเฉพาะอย่
างยิ่
งในช่
วงสงครามโลกครั้
งที่
หลั
งสงครามโลกครั้
งที่
๒ พลตรี
หลวงวิ
จิ
ตรวาทการ ถู
กจั
บกุ
มและถู
กไต่
สวนในข้
อหาอาชญากรรมสงคราม
อยู่
ระยะหนึ่
ง ร่
วมกั
บ จอมพล ป. พิ
บู
ลสงคราม แต่
ภายหลั
งศาลไทยตั
ดสิ
นว่
ากฎหมาย (ในกรณี
นี้
คื
อ พระราชบั
ญญั
ติ
อาชญากรรมสงคราม ซึ่
งยกร่
างขึ้
นหลั
งจากสงครามสงบแล้
ว) ย่
อมไม่
มี
ผลย้
อนหลั
ง ท่
านจึ
งได้
รั
บการปล่
อยตั
วเป็
นอิ
สระ
พลตรี
หลวงวิ
จิ
ตรวาทการ ถึ
งแก่
อนิ
จกรรม เมื่
อวั
นที่
๓๑ มี
นาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ สิ
ริ
อายุ
๖๔ ปี
๒๗
สมั
ยรั
ตนโกสิ
นทร์